HPV vaccine in children

<p><strong><span style="color: #169179;">มะเร็งปากมดลูก</span> </strong>เป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโรคมะเร็งในสตรี ซึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูกก็คือการติดเชื้อไวรัส HPV ทั้งนี้ เราสามารถ <span style="color: #169179;"><strong>ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ </strong></span><span style="color: #169179;"><strong>ด้วยการฉีดวัคซีน HPV</strong></span> หรือวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง</p>
<p>&nbsp;</p>
<h4></h4>
<h2><span style="color: #00826a;">ทำไมต้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (HPV) ตั้งแต่เด็ก ?</span></h2>
<p>เพราะโดยหลักการนั้น หากฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และร่างกายอยู่ในวัยที่สร้างภูมิคุ้มกันได้ดีก็จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ฉีดได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไป ซึ่งวัคซีนชนิดนี้นอกจากจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกในเด็กผู้หญิงแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนักในเด็กผู้ชายได้อีกด้วย ดังนั้นจึงแนะนำให้เด็กผู้ชายได้รับการฉีดวัคซีนเช่นกัน แต่จะต้องเป็นวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์</p>
<p>&nbsp;</p>
<h4></h4>
<h2><span style="color: #00826a;">เชื้อไวรัส HPV คืออะไร ? </span></h2>
<p>ชื่อเต็มของเชื้อไวรัส HPV คือ Human Papilloma Virus โดยไวรัสชนิดนี้มีหลายสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศอันแตกต่างกันไป โดยก่อโรคได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย การติดต่อมักเกิดได้จากการสัมผัสทางผิวหนังที่มีแผล และการมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ นอกจากมะเร็งปากมดลูกแล้ว เชื้อไวรัส HPV ยังเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ได้อีก เช่น</p>
<ul>
<li><span style="color: #169179;"><strong>ในเด็กผู้หญิง</strong> อาจก่อโรค มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งทวารหนัก หูดที่อวัยวะเพศ</span></li>
<li><span style="color: #169179;"><strong>ในเด็กผู้ชาย</strong> อาจก่อโรค มะเร็งองคชาต มะเร็งช่องปากและหลอดคอ มะเร็งทวารหนัก หูดที่อวัยวะเพศ</span></li>
</ul>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a;">หูดหงอนไก่ คืออะไร ?</span></h2>
<p>หูดหงอนไก่จะมีลักษณะเป็นติ่งเนื้อที่ยื่นมาจากอวัยวะเพศ เป็นได้ทั้งหญิงและชาย ทำให้มีอาการเจ็บและดูไม่สวยงาม เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง สามารถรักษาให้หายได้</p>
<p>&nbsp;</p>
<h4></h4>
<h2><span style="color: #00826a;">เชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ต่างๆ </span></h2>
<p>เชื้อไวรัส HPV ที่ก่อโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักมีอยู่ราว 40 สายพันธุ์ การติดเชื้อส่วนใหญ่มักหายได้เอง มีส่วนน้อยที่หากติดเชื้อแล้ว เชื้อจะอยู่ในร่างกายไปอีกนานเพราะกำจัดออกไม่หมด ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง</p>
<p>&nbsp;</p>
<p>โดยเชื้อไวรัส HPV จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มแรก <strong>สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก</strong> ที่พบบ่อยคือสายพันธุ์ 16,18,31,33,45,52 และ 58 โดยสายพันธุ์ที่ 16 และ 18 พบได้ประมาณ 70% และกลุ่มที่สอง <strong>สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ</strong> คือสายพันธุ์ที่ 6 และ 11 พบได้ประมาณ 90%</p>
<p>&nbsp;</p>
<h4></h4>
<h2><span style="color: #00826a;">มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้ด้วยวัคซีน และการตรวจคัดกรอง</span></h2>
<ol>
<li><strong><span style="color: #169179;">ตรวจคัดกรอง</span> </strong>เช่น การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) เพื่อหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกก่อนโรคลุกลาม เพื่อให้เกิดการรักษาอย่างทันท่วงที</li>
<li><span style="color: #169179;"><strong>ฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันต้นเหตุของมะเร็ง คือ เชื้อไวรัส HPV</strong> </span>
<ul>
<li><strong>Gardasil</strong> ป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากสายพันธุ์ 16 และ 18 และป้องกันหูดที่อวัยวะเพศที่เกิดจากสายพันธุ์ 6 และ 11</li>
</ul>
</li>
</ol>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a;">คำแนะนำในการฉีดวัคซีน HPV จากสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย</span></h2>
<ul>
<li>แนะนำให้ฉีดในเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไป โดยในวัยรุ่นที่แข็งแรงดี หากฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม ในเดือนที่ 0 กับเดือนที่ 6-12</li>
<li>สำหรับผู้หญิงอายุ 15-26 ปี ให้ฉีด 3 เข็ม ในเดือนที่ 0, 1-2 และเดือนที่ 6</li>
<li>การฉีดในเด็กผู้ชาย พิจารณาให้ฉีดเฉพาะชนิด 4 สายพันธุ์ แนะนำในช่วงอายุ 11-12 ปี หรือตั้งแต่ 9-26 ปี</li>
</ul>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a;">ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของวัคซีน HPV</span></h2>
<p><span style="color: #169179;"><strong>วัคซีน HPV</strong></span> ทั้งสองชนิดในปัจจุบัน ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยสูง โดยอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยในผู้รับวัคซีนจะไม่มีอันตรายร้ายแรง ได้แก่ เจ็บบริเวณตำแหน่งที่ฉีดยาหรือต้นแขน มีไข้ต่ำๆ บางครั้งอาจมีอาการเวียนศีรษะหรือเป็นลมเกิดขึ้นหลังฉีดยาได้ การให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนนั่งพักหลังฉีด 15 นาที จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นลมได้มาก</p>


การฉีด ‘วัคซีน HPV’ ป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเด็กผู้หญิง แนะนำให้เริ่มฉีดได้ในช่วงอายุ 9-15 ปี เพราะการฉีดเพียง 2 เข็มในเด็กจะได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีด 3 เข็มในผู้ใหญ่ และในวัยนี้ยังอยู่ในช่วงที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนี้ได้ดีอีกด้วย

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

ป้องกันมะเร็งปากมดลูกสำหรับเด็กด้วยวัคซีน HPV

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล