Scoliosis and unnoticed symptoms

<p>เคยสังเกตตัวเองหรือคนใกล้ตัวไหมว่า มีบุคลิกภาพไม่น่ามอง เช่น ไหล่ยกไม่เท่ากัน ระดับเอวไม่เท่ากัน มักจะเดินตัวเอียง บางคนก็มีอาการปวดหลัง โดยอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็น<strong><span style="color: #00826a;"> “โรคกระดูกสันหลังคด”</span></strong> ซึ่ง<span style="color: #00826a;"><strong>นายแพทย์สมบัติ คุณากรสวัสดิ์</strong></span> ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระดูกสันหลัง ศูนย์กล้ามเนื้อกระดูกและข้อ โรงพยาบาลพญาไท 3 บอกว่าเป็นภาวะที่พบได้บ่อย แต่มักถูกเพิกเฉยและไม่ได้รับการรักษา</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;"><span style="color: #00826a;">โรคที่ร้อยละ 80 ยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน</span><strong><br />
</strong></span></h4>
<p><span style="color: #000000;">คุณหมอสมบัติ</span> อธิบายว่า ภาวะโรคกระดูกสันหลังคด คือการที่กระดูกสันหลังเริ่มโค้งงอไปด้านข้างหากวัดมุมส่วนโค้ง หรือที่เรียกว่า มุมที่กระดูกสันหลังคด (Cobb angle) มากกว่า 10 องศา โดยผู้ป่วยร้อยละ 80 นั้นไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน เรียกว่าโรคกระดูกสันหลังคดชนิดไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Scoliosis) ในกลุ่มผู้ป่วยที่พบว่ามีการคดของกระดูกสันหลังช่วงอายุ 10-15 ปี เชื่อว่ามีการถ่ายทอดจากกรรมพันธุ์ ถึงร้อยละ 10</p>
<p>&nbsp;</p>
<p><span style="color: #00826a;"><strong>ส่วนสาเหตุที่พบบ่อยคือ</strong></span> ภาวะโรคกระดูกสันหลังคดตั้งแต่กำเนิด (Congenital Scoliosis) ซึ่งพบว่าเกิดจากรูปร่างกระดูกสันหลังมีความผิดปกติ, ภาวะกระดูกสันหลังคดจากความผิดปกติของเอ็นกล้ามเนื้อระบบประสาท (Neuromuscular Scoliosis)</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">สังเกตตัวเองได้ แค่ทำสิ่งเหล่านี้</span></h4>
<p>เบื้องต้นนั้นเราสามารถสังเกตตัวเองได้ โดย<strong><span style="color: #00826a;"> </span></strong><span style="color: #000000;">คุณหมอสมบัติ</span> อธิบายว่ามี 2 วิธี คือ</p>
<ol>
<li>ให้ผู้ป่วยยืนหันหลังและมองหาความผิดปกติ เช่น ความสูงของระดับหัวไหล่ไม่เท่ากัน, ความนูนของกระดูกสะบักไม่เท่ากัน และระดับแนวกระดูกสะโพกไม่เท่ากัน</li>
<li>ให้ผู้ป่วยยืนเท้าชิดและก้มไปด้านหน้า โดยใช้มือทั้งสองข้างพยายามแตะพื้น (Adam’s forward bending test) จะเห็นความนูนของหลังไม่เท่ากัน (Rib Hump)</li>
</ol>
<h4><span style="color: #00826a;">ไม่ต้องผ่าตัด กระดูกสันหลังก็กลับมาปกติได้</span><strong><span style="color: #00826a;"><br />
</span></strong></h4>
<p>ก่อนอื่นผู้ป่วยและญาติต้องเข้าใจภาวะของโครงกระดูกสันหลังคด การดำเนินโรค และคอยช่วยแพทย์สังเกตความเปลี่ยนแปลงความคดของกระดูกสันหลัง และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง คุณหมอสมบัติ บอกว่า แพทย์จะใช้เสื้อเกราะ (Brace) ใส่ป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังคดมากขึ้น ใส่ 23 ชั่วโมงต่อวัน สามารถถอดออกตอนอาบน้ำชำระร่างกาย</p>
<p>&nbsp;</p>
<p>เสื้อเกราะจะถูกนำมาใช้ในกรณีที่กระดูกสันหลังคดมีมุมองศาที่คดไม่มาก ไม่มีภาวการณ์เสียสมดุล ลำตัวไม่เอียงมาก ไม่มีความผิดปกติทางระบบประสาท ต้องใส่จนเด็กหยุดเจริญเติบโต และค่อยๆ ลดจำนวนชั่วโมงที่ใส่ลง จนแน่ใจว่ากระดูกสันหลังไม่คดมากขึ้นแล้วก็หยุดใส่ สำหรับผู้ป่วยใกล้จะหยุดโตหรือไม่โตขึ้นแล้ว เสื้อเกราะก็จะไม่มีประโยชน์</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">หากต้องผ่าตัด&#8230; “ความชำนาญ” ของแพทย์คือสิ่งสำคัญ<strong><br />
</strong></span></h4>
<p>การเลือกวิธีผ่าตัด <span style="color: #4a7b8c;"><span style="color: #00826a;"><strong>คุณหมอสมบัติ</strong></span> </span>บอกว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความยืดหยุ่นหรือความเว้าของกระดูกสันหลังที่คด แพทย์จะพูดคุยกับคนไข้และญาติ เพื่อให้เข้าใจเป้าหมายของการผ่าตัด สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ ความชำนาญ และความคุ้นเคยของแพทย์ในการผ่าตัดรักษา เพื่อให้กระดูกกลับมาใกล้เคียงปกติมากที่สุด</p>
<p>&nbsp;</p>
<p>ปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ในการพัฒนาการรักษาแก้ไขโรคกระดูกสันหลังคดให้กลับมาอยู่ในสภาวะใกล้เคียงปกติมาก ทั้งนี้การรักษาจะได้ผลดีมากหากได้รับการรักษาในช่วงเวลาที่เหมาะสม</p>


โรคกระดูกสันหลังคดเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่มักถูกเพิกเฉยและไม่ได้รับการรักษา กว่าคนไข้จะรู้ตัวก็ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดแล้ว ที่น่ากลัวคือ 80% ของผู้ป่วยยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

โรคกระดูกสันหลังคด... คุณอาจเผชิญอยู่ แต่ไม่รู้ตัว

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล