เจ็บเข่า ปวดหลัง แก้ได้...ถ้ารู้จักวิ่งแบบถูกวิธี

ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ใครๆ ก็พากัน &#8220;วิ่ง&#8221; เพื่อสุขภาพ แต่พอเริ่มวิ่งได้ไม่นาน..ทั้งอาการเจ็บเข่า ทั้งอาการปวดหลัง ต่างก็รุมเร้าจนต้องหยุดชะงัก ซึ่งการบาดเจ็บเหล่านี้เป็นผลมาจากการวิ่งที่ไม่ถูกวิธี และนี่..คือเทคนิคการวิ่งแบบถูกต้อง ที่นักวิ่ง(มือใหม่)อย่างคุณควรตระหนัก ก่อน &#8220;การบาดเจ็บ&#8221; จะทำร้ายโครงสร้างกระดูกและข้อจนยากต่อการฟื้นตัว..
<h2 style="color: #008080;">มาปรับ &#8220;ท่าวิ่ง&#8221; เพื่อลดการบาดเจ็บ..กันเถอะ!</h2>
<ul>
<li>ศีรษะ 
ควรตั้งให้ตรงเป็นแกนเดียวกับลำตัว ไม่ก้ม ไม่เงย ไม่ให้คางยื่นออกมา สายตามองตรงไปข้างหน้า เพื่อให้ไม่เกิดการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อคอ และไม่ควรมองพื้นระยะใกล้ปลายเท้า เพราะจะทำให้น้ำหนักลงที่บั้นเอว ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้</li>
<li>ลำตัว 
ลำตัวและหลังของเราควรตั้งตรงตามธรรมชาติ หรือมีลักษณะแบบ Running Tall คือยืดหลังให้ตัวเราสูงที่สุด..แต่ไม่เกร็ง เพื่อให้การหายใจเข้ามีประสิทธิภาพ..ปอดขยายตัวได้อย่างเต็มที่ และป้องกันอาการปวดหลังได้</li>
<li>แขนและไหล่ 
การแกว่งแขนนั้นควรแกว่งให้สัมพันธ์กับการก้าวเท้าขณะวิ่ง โดยแกว่งในระนาบหน้า-หลัง ไม่ใช่แกว่งมาด้านหน้าลำตัว ตั้งศอกเป็นมุมฉาก 90 องศา ในขณะที่ลักษณะของไหล่..ไม่ควรโยกไปตามจังหวะการก้าวเท้า และควรรักษาระดับของไหล่ทั้งสองข้างให้เท่ากัน ไม่เกร็ง ไม่ยกสูงขึ้นมา</li>
<li>เข่า เท้าและข้อเท้า 
ในการวางเท้าลงพื้น..ไม่ควรกระแทกกับพื้นแรงๆ และสิ่งที่ควรสัมผัสพื้นก่อน คือ &#8220;ส้นเท้า&#8221; ตามด้วยฝ่าเท้า เมื่อปลายเท้าแตะพื้นจะพอดีกับจังหวะที่ส้นเท้าเปิดขึ้น พร้อมถีบตัวเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งการลงเท้าที่ผิดวิธีอาจทำให้เกิด &#8220;ข้อเท้าพลิก&#8221; ได้ ส่วน &#8220;ข้อเข่า&#8221; ไม่ควรยกสูงมากนักและไม่เหยียดจนสุด ควรก้าวให้สั้นแต่เร็ว โดยสังเกตจากขาส่วนล่าง(ใต้เข่าลงไป)ว่าออกไปนอกลำตัวขณะลงเท้าหรือไม่ และขณะเท้าสัมผัสพื้นควรปล่อยเข่าสบายๆ ไม่เกร็ง เพื่อให้การงอเข่าเป็นไปตามธรรมชาติ</li>
</ul>
<h2 style="color: #008080;">3 เรื่องสำคัญ&#8230;ที่ไม่ควรมองข้าม!</h2>
<ul>
<li>วอร์มอัพ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายประเภทไหน การวอร์มอัพนับว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องมี! โดยอาจจะเดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ เพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้นก่อน เป็นการกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือดในระบบกล้ามเนื้อและระบบหายใจ ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ รวมทั้งยังเพิ่มความอึดให้กับกล้ามเนื้อได้อีกด้วย</li>
<li>ยืดกล้ามเนื้อ เราอาจจะคุ้นเคยกันดีเรื่องการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย แต่เชื่อเถอะ! ว่าหลายคนคิดว่าไม่สำคัญ ทั้งที่การยืดเหยียดจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้ดี เนื่องจากกล้ามเนื้อหรือข้อต่อมีความยืดหยุ่น รวมทั้งลดอาการปวดหรือตึงหลังออกกำลังกาย</li>
<li>การหายใจขณะวิ่ง นอกจากท่าวิ่งที่สำคัญแล้ว การหายใจที่ถูกวิธียังช่วยให้ปอดขยายเต็มที่..จึงรู้สึกเหนื่อยช้า และลดการจุกเสียดขณะวิ่งได้ โดยให้สูดหายใจเข้าจนท้องขยายและปล่อยลมออกด้วยการแขม่วท้อง</li>
</ul>
<h2 style="color: #008080;">ไขข้อข้องใจ! วิ่งเยอะ..ทำ &#8220;ข้อเข่าเสื่อม&#8221; จริงหรือ? 
</h2>
เรามักได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่า &#8220;วิ่งมากๆ จะทำให้ข้อเข่าเสื่อม&#8221; แต่จากรายงานการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์โดย Paul Williams พบว่า&#8230;คนที่วิ่งมากกว่า 2 กิโลเมตรต่อวัน มีอัตราการเกิดข้อเข่าเสื่อมลดลง!
&nbsp;
ในขณะที่มีการพบว่าสาเหตุที่มีผลต่อข้อเข่าเสื่อม คือ การมีน้ำหนักตัวมาก ซึ่งในกลุ่มนักวิ่งจะมีสัดส่วนน้ำหนักตัวน้อยกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การวิ่งที่จะไม่ส่งผลต่อข้อเข่าเสื่อม&#8230;ต้องมีลักษณะของท่าทางการวิ่งที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาข้อเข่าเสื่อมในอนาคตได้!!

การวิ่งไม่ถูกวิธีจนเกิดการบาดเจ็บ ส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อมในอนาคตได้ เราจึงควรปรับท่าวิ่ง การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การวอร์มอัพ และการหายใจขณะวิ่งให้ถูกต้อง

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

เจ็บเข่า ปวดหลัง แก้ได้...ถ้ารู้จักวิ่งแบบถูกวิธี

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล