หลอดเลือดหัวใจตีบ รักษาได้ด้วย การฉีดสี

<p>ทันทีที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงเข้าข่ายอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยฉีดสีสวนหัวใจเพื่อหาตำแหน่งการตีบตันของหลอดเลือดที่แน่ชัด และดำเนินการรักษาโดยเร็วที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เพราะหากหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและมีโอกาสเสียชีวิตสูง</p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ..กับการฉีดสี</span><strong><span style="color: #00826a;"><br />
</span></strong></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">การสวนหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Angiography: CAG) หรือการฉีดสี นับเป็นการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่สำคัญอย่างหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยแพทย์จะใส่สายสวนเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร เข้าไปตามหลอดเลือดแดง เริ่มที่ตำแหน่งข้อมือ หรือขาหนีบ จนไปถึงรูเปิดหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ จากนั้นก็ฉีดสารทึบรังสีเข้าทางสายสวนให้วิ่งไปที่หลอดเลือดหัวใจ แล้วทำการเอกซเรย์เป็นระยะ เพื่อดูสภาพกล้ามเนื้อหัวใจ ดูการทำงานของลิ้นหัวใจหลายๆ มุม และตรวจดูว่ามีการตีบแคบ หรือตีบตันของหลอดเลือดหัวใจบริเวณใด</span></p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">“สวนผ่านขาหนีบ” วิธีเบสิคที่ใครๆ ก็ทำกัน<strong><br />
</strong></span></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">การสวนหลอดเลือดหัวใจที่ทำผ่านขาหนีบ (Femoral artery) เป็นหนึ่งในวิธียอดนิยม แพทย์จะใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ ไม่ใช้ยาสลบและไม่ต้องผ่าตัด นั่นแปลว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาและสามารถพูดคุยได้ โดยจะใช้เวลาในการตรวจเพียงแค่ 30-60 นาที</span></p>
<p>&nbsp;</p>
<p>ในรายที่จำเป็นต้องรักษาด้วยการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจรวมถึงการใส่ขดลวดในหลอดเลือดหัวใจก็สามารถทำต่อได้ทันที แต่หลังจากนั้นผู้ป่วยจะต้องนอนราบบนเตียง ไม่สามารถลุกนั่งหรือเดินได้ และห้ามงอขาข้างที่ทำประมาณ 6–12 ชั่วโมง หรือตามคำแนะนำของแพทย์ โดยผู้ป่วยจะสามารถกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วัน และกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติภายใน 1 สัปดาห์</p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">แอดวานซ์กว่าด้วย “การสวนผ่านทางข้อมือ”</span><strong><span style="color: #00826a;"><br />
</span></strong></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ทำให้ปัจจุบันแพทย์สามารถสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านหลอดเลือดแดงบริเวณข้อมือ (Radial artery) ซึ่งแม้ว่าหลอดเลือดจะมีขนาดเล็กกว่าและมีเส้นทางที่คดเคี้ยวกว่า แต่ก็มีการพัฒนาอุปกรณ์ให้มีความเหมาะสมและสามารถทำการตรวจและรักษาได้ใกล้เคียงกับการตรวจผ่านหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบ โดยก่อนการรักษา แพทย์จะทำการทดสอบด้วยวิธีการง่ายๆ ที่เรียกว่า Allen&#8217;s test เพื่อตรวจสอบว่าสามารถทำการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือได้หรือไม่ ซึ่งผู้ป่วยมากกว่า 90% จะสามารถทำได้</span></p>
<p>&nbsp;</p>
<p>ถึงแม้วิธีนี้อาจจะทำให้แพทย์ทำงานยากขึ้น เพราะต้องใช้ทักษะมากกว่าเดิม และบางครั้งก็เกิดภาวะหดตัวของหลอดเลือด (Radial artery spasm) ซึ่งถ้ารุนแรงก็อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนมาทำการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางขาหนีบแทน แต่ก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เช่น ผู้ป่วยไม่ต้องนอนขาเหยียดหลายๆ ชั่วโมง หลังการตรวจและรักษาก็สามารถลุกเดินได้ นั่งทานอาหารได้ มีเพียงสายรัดข้อมือ (TR band) ที่ต้องใส่ไว้ประมาณ 2-4 ชั่วโมงเท่านั้น และผู้ป่วยยังสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ภายในไม่กี่วัน วิธีนี้จึงได้รับความนิยมกันมากขึ้นเรื่อย</p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ตัดสินใจเลือกวิธีให้เหมาะสม เพื่อผลที่ดีที่สุด</span><strong><span style="color: #00826a;"><br />
</span></strong></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">โดยทั่วๆ ไป การตัดสินใจว่าจะสวนหลอดเลือดหัวใจจากบริเวณใด จะขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ทำการตรวจเป็นหลัก อย่างในรายที่ผู้ป่วยมีน้ำหนักมากหรือมีภาวะหลอดเลือดขาส่วนปลายตีบ การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือก็จะมีข้อดีมากกว่า แต่ในบางรายที่ต้องใช้หลอดเลือดแดงที่ข้อมือในการรักษาอื่นๆ เช่นการฟอกไต (Hemodialysis) หรือผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจที่อุดตันเพื่อทําทางเดินของเลือดใหม่ (Coronary Artery Bypass Graft: CABG) การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางขาหนีบจะเหมาะสมกว่า</span></p>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือและขาหนีบ</span></h4>
<table style="border-collapse: collapse; width: 100%; height: 120px;">
<tbody>
<tr style="height: 24px;">
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;"><span style="color: #00826a;"><strong>การสวนหลอดเลือดหัวใจ</strong></span></td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;"><span style="color: #00826a;"><strong>ผ่านทางข้อมือ</strong></span></td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;"><span style="color: #00826a;"><strong>ผ่านทางขาหนีบ</strong></span></td>
</tr>
<tr style="height: 24px;">
<td style="width: 33.3333%; height: 24px;">นอนพักหลังการสวนหัวใจ</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">ไม่ต้อง</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">ประมาณ 6 ชม.</td>
</tr>
<tr style="height: 24px;">
<td style="width: 33.3333%; height: 24px;">ภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดเฉพาะที่</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">1.4%</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">3.7%</td>
</tr>
<tr style="height: 24px;">
<td style="width: 33.3333%; height: 24px;">โอกาสสำเร็จจากการตรวจและรักษา</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">95%</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">95%</td>
</tr>
<tr style="height: 24px;">
<td style="width: 33.3333%; height: 24px;">ผู้ป่วยเลือกที่จะตรวจทางข้อมือในครั้งถัดไป</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">90%</td>
<td style="width: 33.3333%; height: 24px; text-align: center;">50%</td>
</tr>
</tbody>
</table>
<p align="right">


การสวนหลอดเลือดหัวใจ หรือการฉีดสี ไม่เพียงช่วยวินิจฉัยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันได้อย่างตรงจุด แต่ยังช่วยให้แพทย์สามารถรักษา โดยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน หรือใส่ขดลวดในหลอดเลือดหัวใจต่อเนื่องในคราว

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

หลอดเลือดหัวใจตีบ รักษาได้ด้วย การฉีดสี

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล