สมอง…เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก เพราะมีหน้าที่ในการสั่งการทุกอย่างในร่างกาย ตั้งแต่การเคลื่อนไหว การพูด การมอง การฟัง การคิด หรือการขับถ่ายก็ต้องใช้สมองในการสั่งการ แต่สมองเป็นอวัยวะที่บอบบาง และถ้าได้รับความเสียหาย ก็ยากที่จะซ่อมแซมที่หลังได้ จึงต้องดูแลให้ดี

โรคลมชัก เกิดจากเซลล์ผิวของสมองทำงานผิดปกติ ทำให้มีลักษณะคล้ายไฟฟ้าลัดวงจร ส่งผลให้คนไข้เกิดอาการชักเกร็งกระตุก สาเหตุของโรคลมชักมีอยู่หลายอย่าง เช่น โรคติดเชื้อที่สมอง เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก เนื่องอกในสมอง และอื่นๆ

นพ. ชาคริต สุทธิเสวันต์ จึงเน้นยำเสมอว่า สิ่งสำคัญในการรักษาโรคลมชัก คือการวินิจฉัยให้ถูก และการเลือกใช้ยากันชักให้เหมาะสมกับประเภทของโรคลมชัก การตรวจหาสาเหตุและวินิจฉัยโรคลมชักในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI หรือ magnetic resonance imaging) ที่ช่วยทำให้เห็นรอยโรคที่สมองได้ชัดเจนขึ้น และการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG หรือ electroencephalography) ที่ช่วยในการบอกประเภทของโรคลมชักและตำแหน่ง สาเหตุของโรคลมชักว่าอยู่บริเวณไหน เช่น ซ้าย ขวา หน้า หลังได้ เพื่อที่จะช่วยให้แพทย์เฉพาะทางสามารถเลือกยากันชักได้เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคลมชักมากที่สุด

ในปัจจุบัน นอกจากการรักษาด้วยยากันชักเพียงอย่างเดียวแล้ว ผู้ป่วยยังมีทางเลือกในการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดสมองอีกด้วย เนื่องจากผู้ป่วยโรคลมชักประมาณ 30% จะไม่หยุดชัก ถึงแม้ว่าจะได้รับยากันชักแล้ว จึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉันโดยแพทย์เฉพาะทางโรคลมชัก เพื่อพิจารณาว่าจะต้องได้รับการผ่าตัดสมองหรือไม่ เพื่อให้คนไข้ควบคุมอาการชักได้ ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยากันชัก สามารถหยุดชักได้โดยการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดได้มากถึง 70-80% โดยมีผลข้างเคียงน้อยมาก

แม้ว่า… โรคทางสมองที่คุณหมอทำการรักษาในทุกวันนี้จะมีแยกย่อยออกไปมากมาย อย่าง เส้นเลือดสมองตีบ อัมพฤกษ์อัมพาต ปวดหัว เวียนหัว พาร์กินสัน การติดเชื้อในสมอง โรคเส้นประสาทไขสันหลัง แต่โรคลมชักในประชากรไทยที่พบได้ราว 0. 5% ยังมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านนี้อยู่ราว 50-60 คนเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ นพ. ชาคริต สุทธิเสวันต์ อายุรแพทย์ระบบประสาท เฉพาะทางโรคลมชัก ผู้ดูแลรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลพญาไท 1 มาอย่างยาวนานนี่เอง