ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ชั้น 8 อาคาร B โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา
โทร. 038-317-333 ต่อ 3835,3836 หรือ 088-5000-204,089-938-4744
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา โดยทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยและการบริการที่ครบวงจรรวมถึงความมุ่งมั่นให้บริการดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนภาคตะวันออก
การบริการ
- บริการให้คำปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและตับ
- ตรวจวินิจฉัยความผิดปกติและโรคในระบบทางเดินอาหารและตับ
- ตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นโดยการส่องกล้อง (Esophagogastroduodenoscopy)
- ตรวจลำไส้ใหญ่โดยการส่องกล้อง (Colonoscopy)
- ตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น (หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร)
- ตรวจทวารหนักโดยการส่องกล้อง (Procfoscopy)
- ตรวจความผิดปกติในทางเดินอาหารโดยการตัดชิ้นเนื้อที่ยื่นผิดปกติ (Poly pectomy)
- ตรวจหาเชื้อ Helicobacter Pylori ในกระเพาะอาหารโดยการส่องกล้อง
- ตรวจหาเชื้อ Helicobacter Pylori ในกระเพาะอาหารโดยการส่องกล้องและใช้วิธี Urea Breath Test ตรวจทางลมหายใจ (เชื้อ Helicobacter Pylori เป็นเชื้อที่พบอยู่ในกระเพาะอาหารและเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร)
- หัตถการสำหรับใส่สายให้อาหารในส่วนกระเพาะโดยการส่องกล้อง (ไม่ต้องผ่าตัด) (Percutaneous Endoscopic Gastrostomy)
- ตรวจวินิจฉัยโรคทางเดินน้ำดีโดยการส่องกล้องและการฉีดสีเพื่อตรวจหาความผิดปกติในท่อน้ำดี มะเร็งท่อน้ำดี (Diagnostic ERCP)
- ตรวจรักษาโรคท่อน้ำดี ได้แก่ โรคมะเร็งท่อน้ำดี โรคนิ่วในท่อน้ำดี โดยการส่องกล้อง (Therapeutic ERPC)
- ตรวจวินิจฉัยโรคตับ ตับอ่อน ถุงน้ำดี
- ตรวจวินิจฉัยโรคตับอักเสบทุกชนิด
- ตรวจวินิจฉัยโรคตับแข็ง
- ตรวจรักษาโรคไขมันคั่งสะสมในตับ
- ตรวจรักษาโรคตับอ่อนอักเสบ
- ตรวจรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี ท่อน้ำดีอักเสบ
- การให้บริการฉีดวัคซีนโรคตับอักเสบ A และ B
โรคระบบทางเดินอาหารและตับ มีมากมายและที่พบบ่อย ได้แก่
- โรคระบบทางเดินอาหาร
- โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic Ulcer)
- โรคลำไส้อักเสบ (Enterocolitis)
- โรคมะเร็งลำไส้ (Colonic Cancer)
- โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Gastric Cancer)
- โรคมะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal Cancer)
- โรคมะเร็งทวารหนัก (Rectal Cancer)
- โรคลำไส้แปรปรวน (Chronic Irritable Bowel Syndrome)
- ท้องผูกเรื้อรัง (Constipation)
- โรคกรดไหลย้อนกลับจากกระเพาะอาหารเข้าสู่หลอดอาหาร (GERD)
- โรคตับ (Liver disease)
- โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
- โรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง (Chronic Viral Hepatitis)
- โรคมะเร็งตับ (Hepatocelluar carocinoma)
- โรคมะเร็งในท่อน้ำดี (Cholangio-Carcinoma)
- โรคนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones)
- โรคท่อน้ำดีอักเสบ (Cholangitis)
อาการที่สังเกตุได้และควรมาพบแพทย์ทันที
- กลืนอาหารลำบากหรือกลืนแล้วเจ็บ
- มีอาการแสบ จุกแน่นหน้าอก
- อาเจียนติดต่อกันโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบน
- ถ่ายอุจจาระผิดปกติ บางครั้งท้องผูก บางครั้งท้องเสีย
- มีไข้และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ถ่ายอุจจาระเป็นมูก
- ถ่ายอุจจาระผิดปกติในผู้สูงอายุ
- มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง
วิธีการตรวจรักษา
- ตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง
- ตรวจลำไส้ใหญ่ส่วนปลายโดยการส่องกล้อง
- ตรวจการบีบตัวของทางเดินอาหาร
- ทางเดินอาหารส่วนต้น (หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร)
- ทางเดินอาหารส่วนปลาย (ลำไส้ใหญ่)
- ตรวจท่อน้ำดี และท่อตับอ่อน
เครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์
- ศูนย์ตรวจวินิจฉัยระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้อง
- เครื่อง MRI (เครื่องวินิจฉัยด้วยสนามแม่เหล็กความเข้มสูง)
- เครื่อง PT Test (เครื่องเป่าแบคทีเรีย)
- กล้องส่องทางเดินน้ำดีและท่อตับอ่อน
- กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่
- เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง(CT Scan)
- ครื่องอัลตร้าซาวด์
- ห้องส่องกล้อง 4 ห้อง
- การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
การเตรียมตัวในการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร (Gastroscopy)
- ต้องงดน้ำและอาหาร ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันก่อนตรวจ
- ในวันนัดตรวจห้ามรับประทานอาหารเช้า ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มใดๆ
- ในกรณีที่ให้ยาระงับประสาททางสายน้ำเกลือ หรือดมยาสลบ เพื่อเวลาตรวจคนไข้จะรู้สึกสบายไม่มีความเจ็บปวด แต่หลังจากการตรวจคนไข้อาจง่วงได้ หลังจากนอนพักระยะหนึ่งแล้วจึงกลับบ้านได้
การเตรียมตัวในการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
- การตรวจลำไส้ใหญ่ให้ได้ผล จะต้องเตรียมลำไส้ใหญ่ให้สะอาดที่สุดไม่มีเศษอาหาร หรืออุจจาระบัง และถ้าหากพบความผิดปกติ เช่น ติ่งเนื้องอก อาจต้องตัดออก ดังนั้นการเตรียมลำไส้ มีความสำคัญมากและต้องปฎิบัติดังนี้
- ต้องรับประทานยาระบายตามที่แพทย์สั่ง หลังรับประทานยาระบายแล้วไม่ควรเดินทางไปไหนมาไหน เพราะจะปวดถ่ายอุจจาระ
- ก่อนทำการตรวจ 1 วัน ควรได้รับคำปรึกษาเกี่ยวกับอาหารจากแพทย์ผู้ทำการตรวจ
- วันที่นัดตรวจ ต้องไม่รับประทานอาหารเช้าและไม่ดื่มน้ำ ไปถึงโรงพยาบาลตามเวลานัดในการตรวจ
- ในกรณีที่มีการให้ยาระงับประสาททางสายน้ำเกลือ หรือดมยาสลบ เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายไม่มีความเจ็บปวด และหลังจากการตรวจคนไข้อาจง่วงได้ หลังจากตรวจเสร็จให้พักระยะหนึ่งจนตื่นดี แล้วจึงกลับบ้านได้