หนุ่มสาวชาวออฟฟิศคงคุ้นหูกับ ‘ออฟฟิศซินโดรม’ กันเป็นอย่างดีและคงจะรู้กันดีด้วยว่า ‘อาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่’ จากการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนี้ แต่ถึงจะรู้สาเหตุ หลาย ๆ คนก็ยังเลือกที่จะปล่อยไว้ คิดว่ากินยาเดี๋ยวก็ดีขึ้น ไปนวดเดี๋ยวก็หาย โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าการละเลยอาการปวดเหล่านี้ อาจนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอย่าง ‘โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท’ ได้
นพ.พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2 อธิบายว่า “คนทำงานออฟฟิศที่มักจะนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน ร่างกายใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวมากเกินไปจนเกิดเป็นอาการปวด มักเป็นกันมากบริเวณคอ ไหล่ และหลัง จึงเรียกกลุ่มอาการเหล่านี้ว่า ‘ออฟฟิศซินโดรม’ ซึ่งหากผู้ป่วยยังปล่อยปละละเลย ทำพฤติกรรมการนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรมาพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมให้ถูกต้อง อาจมีสาเหตุมาจากกระดูกสันหลังเสื่อมและหมองรองกระดูกปลิ้นได้ และมีโอกาสที่จะกดทับเส้นประสาทที่อยู่ข้างเคียงได้ ซึ่งหากไปกดทับประสาทส่วนที่เชื่อมโยงกับอวัยวะไหน ก็จะทำให้ปวดร้าวลงไปถึงส่วนนั้น โรคนี้จะมีอาการที่รุนแรงกว่าโรคออฟฟิศซินโดรม ปวดทรมานจนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน และหากปล่อยไว้นานจนเส้นประสาททำงานได้น้อยลง อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้”
อาการแบบไหนที่ “ไม่ใช่” แค่ออฟฟิศซินโดรม
เมื่อคนทำงานออฟฟิศรู้สึกปวด เมื่อย ตึงกล้ามเนื้อ ก็มักจะทึกทักว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม แต่แท้จริงแล้วอาการปวดบางอย่างอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า นี่ไม่ใช่แค่โรคออฟฟิศซินโดรมธรรมดาทั่วไป หากมีอาการดังต่อไปนี้ อาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแล้ว!
- มีอาการปวดหลังยาวนานกว่า 2-4 สัปดาห์
- หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณเอวคนไข้จะมีอาการ ปวดหลังร้าวลงขา อาจเป็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง หากปล่อยทิ้งไว้จนเป็นหนักขึ้น กล้ามเนื้อขาจะอ่อนแรง ควบคุมการเดิน และการขับถ่ายไม่ได้
- หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณต้นคอ คนไข้จะมีอาการปวดคอร้าวลงแขน แขนอ่อนแรง หรือชา ไปจนถึงไม่สามารถควบคุมการใช้มือได้
- เวลาไอ จาม หรือเบ่งจะรู้สึกปวดลึก เนื่องจากเกิดแรงดันในไขสันหลัง
ถ้าสำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ หากสงสัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แพทย์จะส่งคนไข้เข้ารับการตรวจ MRI หรือ CT Scan เพื่อวินิจฉัยดูความรุนแรงและหาแนวทางในการรักษา ซึ่งมีหลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากแพทย์อาจแนะนำให้ทานยาและทำกายภาพบำบัด แต่หากผู้ป่วยมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด
ออฟฟิศซินโดรม หรือ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ป้องกันได้ ‘แค่เปลี่ยนพฤติกรรม’
- ยืนเส้นยืนสายให้บ่อย เพราะอาการป่วยของโรคเหล่านี้เกิดจากการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ จึงควรพักทุก 1 ชั่วโมง ขณะพักควรลุกขึ้นขยับร่างกาย และยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นการพักไม่ให้กล้ามเนื้อตึงเกินไปจนเกิดอาการปวด
- ปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง รวมไปถึงปรับอุปกรณ์ในออฟฟิศให้เหมาะกับศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ หรือการจัดวางคอมพิวเตอร์ล้วนมีผลต่อท่านั่ง ควรปรับองศาให้พอดี ไม่รู้สึกว่าต้องยกตัวหรือโน้มตัวจนเกินไปเวลาทำงาน เวลานั่งเท้าต้องวางบนพื้นได้พอดี หากไม่ถึงควรมีที่รองเท้ามาช่วยเสริม
- ออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ทำให้โอกาสเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมน้อยลง ไม่ควรเล่นกีฬาที่เอ็กซ์ตรีมมากจนเกินไป เพราะการบิดตัวอย่างรวดเร็วและกระทันหัน มีส่วนทำให้หมอนรองกระดูกเกิดการเสื่อมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่คนทำงานออฟฟิศเท่านั้นที่เสี่ยงเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมและหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แต่ นพ.พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2 ยังบอกอีกว่า… “คนที่ใช้งานร่างกายหนักด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้องบ่อย ๆ หรือใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่อง เช่น พนักงานขับรถ พนักงานยกของ พนักงานช่างที่ต้องใช้งานกล้ามเนื้อ หรือนั่งอยู่ในท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และมีการก้ม เงย บิด หลัง หรือคอ เป็นเวลานาน ก็ควรหมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกาย หากเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตามบริเวณต่าง ๆ อย่าปล่อยทิ้งไว้ ลองสังเกตพฤติกรรมของตัวเองว่ากิจกรรมใดที่เป็นสาเหตุของอาการปวดเมื่อย ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้สามารถหายขาดจากอาการปวด และป้องกันตัวเองจากโรคเหล่านี้ได้”
นพ. พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูหัวใจ
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2