ปวดคอ ปวดหลัง อาจไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรม แต่เสี่ยง “หมอนรองกระดูกทับเส้น”

พญาไท 2

1 นาที

01/04/2020

แชร์


ปวดคอ ปวดหลัง อาจไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรม แต่เสี่ยง “หมอนรองกระดูกทับเส้น”

หนุ่มสาวชาวออฟฟิศคงคุ้นหูกับ ‘ออฟฟิศซินโดรม’ กันเป็นอย่างดีและคงจะรู้กันดีด้วยว่า ‘อาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่’ จากการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนี้ แต่ถึงจะรู้สาเหตุ หลาย ๆ คนก็ยังเลือกที่จะปล่อยไว้ คิดว่ากินยาเดี๋ยวก็ดีขึ้น ไปนวดเดี๋ยวก็หาย โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าการละเลยอาการปวดเหล่านี้ อาจนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอย่าง ‘โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท’ ได้

นพ.พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2 อธิบายว่า “คนทำงานออฟฟิศที่มักจะนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน ร่างกายใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวมากเกินไปจนเกิดเป็นอาการปวด มักเป็นกันมากบริเวณคอ ไหล่ และหลัง จึงเรียกกลุ่มอาการเหล่านี้ว่า ‘ออฟฟิศซินโดรม’ ซึ่งหากผู้ป่วยยังปล่อยปละละเลย ทำพฤติกรรมการนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรมาพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมให้ถูกต้อง อาจมีสาเหตุมาจากกระดูกสันหลังเสื่อมและหมองรองกระดูกปลิ้นได้ และมีโอกาสที่จะกดทับเส้นประสาทที่อยู่ข้างเคียงได้ ซึ่งหากไปกดทับประสาทส่วนที่เชื่อมโยงกับอวัยวะไหน ก็จะทำให้ปวดร้าวลงไปถึงส่วนนั้น โรคนี้จะมีอาการที่รุนแรงกว่าโรคออฟฟิศซินโดรม ปวดทรมานจนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน และหากปล่อยไว้นานจนเส้นประสาททำงานได้น้อยลง อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้”

อาการแบบไหนที่ “ไม่ใช่” แค่ออฟฟิศซินโดรม

เมื่อคนทำงานออฟฟิศรู้สึกปวด เมื่อย ตึงกล้ามเนื้อ ก็มักจะทึกทักว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม แต่แท้จริงแล้วอาการปวดบางอย่างอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า นี่ไม่ใช่แค่โรคออฟฟิศซินโดรมธรรมดาทั่วไป หากมีอาการดังต่อไปนี้ อาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแล้ว!

  • มีอาการปวดหลังยาวนานกว่า 2-4 สัปดาห์
  • หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณเอวคนไข้จะมีอาการ ปวดหลังร้าวลงขา อาจเป็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง หากปล่อยทิ้งไว้จนเป็นหนักขึ้น กล้ามเนื้อขาจะอ่อนแรง ควบคุมการเดิน และการขับถ่ายไม่ได้
  • หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณต้นคอ คนไข้จะมีอาการปวดคอร้าวลงแขน แขนอ่อนแรง หรือชา ไปจนถึงไม่สามารถควบคุมการใช้มือได้
  • เวลาไอ จาม หรือเบ่งจะรู้สึกปวดลึก เนื่องจากเกิดแรงดันในไขสันหลัง

ถ้าสำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ หากสงสัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แพทย์จะส่งคนไข้เข้ารับการตรวจ MRI หรือ CT Scan เพื่อวินิจฉัยดูความรุนแรงและหาแนวทางในการรักษา ซึ่งมีหลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากแพทย์อาจแนะนำให้ทานยาและทำกายภาพบำบัด แต่หากผู้ป่วยมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด

ออฟฟิศซินโดรม หรือ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ป้องกันได้ ‘แค่เปลี่ยนพฤติกรรม’

  • ยืนเส้นยืนสายให้บ่อย เพราะอาการป่วยของโรคเหล่านี้เกิดจากการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ จึงควรพักทุก 1 ชั่วโมง ขณะพักควรลุกขึ้นขยับร่างกาย และยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นการพักไม่ให้กล้ามเนื้อตึงเกินไปจนเกิดอาการปวด
  • ปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง รวมไปถึงปรับอุปกรณ์ในออฟฟิศให้เหมาะกับศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ หรือการจัดวางคอมพิวเตอร์ล้วนมีผลต่อท่านั่ง ควรปรับองศาให้พอดี ไม่รู้สึกว่าต้องยกตัวหรือโน้มตัวจนเกินไปเวลาทำงาน เวลานั่งเท้าต้องวางบนพื้นได้พอดี หากไม่ถึงควรมีที่รองเท้ามาช่วยเสริม
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ทำให้โอกาสเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมน้อยลง ไม่ควรเล่นกีฬาที่เอ็กซ์ตรีมมากจนเกินไป เพราะการบิดตัวอย่างรวดเร็วและกระทันหัน มีส่วนทำให้หมอนรองกระดูกเกิดการเสื่อมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้เหมือนกัน

ไม่ใช่แค่คนทำงานออฟฟิศเท่านั้นที่เสี่ยงเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมและหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แต่ นพ.พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2 ยังบอกอีกว่า… “คนที่ใช้งานร่างกายหนักด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้องบ่อย ๆ หรือใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่อง เช่น พนักงานขับรถ พนักงานยกของ พนักงานช่างที่ต้องใช้งานกล้ามเนื้อ หรือนั่งอยู่ในท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และมีการก้ม เงย บิด หลัง หรือคอ เป็นเวลานาน ก็ควรหมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกาย หากเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตามบริเวณต่าง ๆ อย่าปล่อยทิ้งไว้ ลองสังเกตพฤติกรรมของตัวเองว่ากิจกรรมใดที่เป็นสาเหตุของอาการปวดเมื่อย ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้สามารถหายขาดจากอาการปวด และป้องกันตัวเองจากโรคเหล่านี้ได้”

 

นพ. พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูหัวใจ
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

Cyberdyne Robotic หุ่นยนต์กายภาพ ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและโรคกล้ามเนื้อ

พญาไท 2

หุ่นยนต์กายภาพ หรือ Cyberdyne Robotic เหมาะกับการรักษาและทำกายภาพบำบัดผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พาร์กินสัน โรคกล้ามเนื้อ เพราะช่วยให้ผู้ป่วยได้ฝึกการสั่งงานจากสมองในการบังคับใช้กล้ามเนื้อให้สัมพันธ์กัน

ฝึกก้าวใหม่ให้แข็งแกร่ง(กว่าเดิม) รีเซตชีวิต(ใหม่)ที่มั่นคงด้วย RED CORD

พญาไท 2

ภายหลังการบาดเจ็บ มักจะส่งผลให้เกิดรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ จนกลายเป็นการบาดเจ็บเรื้อรังได้ การรักษาการเคลื่อนไหวแบบ Red cord exercise คือทางออกของปัญหานี้

ออกกำลังกายอย่างไร ให้เกิดการเผาผลาญอย่างเพียงพอ

พญาไท 2

เพราะพฤติกรรมการบริโภคที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย ทำให้เกิดโรคอ้วน หรือภาวะอ้วนลงพุง การออกกำลังกายจึงเป็นกิจกรรมสำคัญเพื่อลดน้ำหนัก ป้องกันโรคอ้วน

กลืนลำบาก...ปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม

พญาไท 2

“ภาวะกลืนลำบาก” (Dysphagia) อาการที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การสำลัก ปอดอักเสบ และขาดสารอาหาร การวินิจฉัยและฟื้นฟูโดยทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูอย่างเหมาะสม ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมากลืนอาหารได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น