รากฟันเทียม (Dental Implant) คือวัสดุที่ออกแบบมาให้มีรูปร่างลักษณะคล้ายรากฟันของมนุษย์ ส่วนมากจะทำจากไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่ทนทานและไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย โดยทันตแพทย์จะฝังรากฟันเทียมซึ่งจะมีการออกแบบให้เหมาะเป็นรายบุคคลเข้าไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป จากนั้นทันตแพทย์จะทำการยึดครอบฟันให้ติดกับรากเทียม เพื่อให้ได้ฟันใหม่ที่แลดูเหมือนฟันตามธรรมชาติ

ประโยชน์ของรากฟันเทียม

ช่วยเสริมบุคลิกภาพ เพราะผู้ที่มีปัญหาซี่ฟันไม่สมบูรณ์มักขาดความมั่นใจ และยิ่งรากเทียมและตัวครอบฟันคล้ายกับฟันตามธรรมชาติมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจได้มากขึ้นเท่านั้น
ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวอาหาร เมื่อมีฟันที่บดเคี้ยวอาหารได้ดี ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารมากขึ้น
ช่วยแก้ปัญหาการออกเสียง เพราะการสูญเสียฟันจะส่งผลต่อการพูดและการออกเสียงไม่ชัดได้
ช่วยรักษาสภาพของฟันและกระดูก ป้องกันฟันข้างเดียวกันล้ม และป้องกันการฝ่อของกระดูกที่ไม่ได้รับแรงบดเคี้ยว

ขั้นตอนการรักษาด้วยรากฟันเทียม

เข้ารับการตรวจวินิจฉัยด้วยการตรวจสภาพช่องปากและเอกซเรย์ช่องปาก จากนั้นทันตแพทย์จะวางแผนเพื่อดำเนินการรักษา กำหนดตำแหน่งที่จะรักษา ลักษณะและขนาดของวัสดุทดแทนรากฟันที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
เมื่อถึงกำหนดการรักษา ผู้รับการรักษาต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หากมียาประจำตัวให้รับประทานให้เรียบร้อย ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่เครียด และรักษาความสะอาดช่องปากให้ดี
ฝังรากฟันทดแทนในตำแหน่งที่ทันตแพทย์กำหนด
เมื่อฟังรากฟันเทียมแล้ว จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3-5 เดือน เพื่อรอให้รากเทียมยึดติดกับกระดูก ระหว่างนี้ควรดูแลสุขภาพในช่องปากตามคำแนะนำของแพทย์
ผู้รับการรักษาเข้ารับการพิมพ์ปาก เพื่อเตรียมทำครอบฟันสำหรับรากเทียม
ใส่ครอบฟัน สะพานฟัน หรือทันตกรรมประดิษฐ์อื่นๆ ที่ทันตแพทย์กำหนดแผนไว้
หลังใส่ครอบฟันแล้ว ควรพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ

การทำรากฟันเทียมเหมาะกับใคร?

ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้สูงวัยก็สามารถเข้ารับการรักษาได้
ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันหรือใส่ฟันปลอมทั้งปาก การสวมรากเทียมจะช่วยให้ฟันปลอมแบบทั้งปากแน่นกระชับมากขึ้น
ผู้ที่มีปัญหาฟันแตกหัก หรือเกิดปัญหากับฟันจนทันตแพทย์วินิจฉัยว่าควรถอนออก สามารถทำรากเทียมเพื่อทดแทนฟันที่เสียไปได้
ผู้ที่ไม่ต้องการใส่ฟันปลอมแบบถอดออกได้
ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ส่งผลต่อการรักษาทางทันตกรรม เช่น โรคกระดูกพรุน

กรณีผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอยู่ ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้ทันตแพทย์ทราบก่อนเข้ารับการักษา เพื่อให้ทันตแพทย์วินิจฉัยการรักษาได้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น และเมื่อเข้ารับการรักษาโดยการใส่ ‘รากฟันเทียม’ แล้ว ควรดูแลสุขอนามัยภายในช่องปากให้ดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา อายุการใช้งาน และลดโอกาสการเกิดอาการข้างเคียงที่อาจมี

ทพญ. อัญจิดา ชวนะโรจนฤทธิ์
ทันตแพทย์ศัลยกรรมช่องปาก
ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

ทดแทนฟันที่สูญเสียไป คืนความมั่นใจด้วยรากฟันเทียม