จบปัญหาภูมิแพ้ ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

<p>แม้ว่าภูมิแพ้ หรือภาวะจมูกอักเสบเรื้อรังจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงนัก แต่ก็อาจมีอาการแทรกซ้อนที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา ซึ่ง นพ.อุทัย ประภามณฑล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3 จะมาอธิบายถึงโรคนี้ และนวัตกรรมการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ว่าเป็นอย่างไร</p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">โรคแทรกซ้อน ที่อาจเกิดเพราะภูมิแพ้</span></h4>
<p>คุณหมออุทัย ได้อธิบายถึงโรคแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากอาการจมูกอักเสบเรื้อรังเพราะภูมิแพ้ ดังนี้</p>
<ul>
<li>หูชั้นกลางอักเสบและน้ำคั่งในหูชั้นกลาง &#8211; คือการอักเสบของเยื่อบุในหูชั้นกลาง บางรายจะมีอาการไข้ขึ้น ปวดหู หรือถ้าเกิดอาการเฉียบพลันอาจมีหนองไหลจากหู หรือเยื่อแก้วหูทะลุ การได้ยินลดลง</li>
<li>โรคหืด – ผู้ป่วยโรคหืด 70-80% จะมีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย ในทางกลับกันผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะเป็นโรคหอบหืดร่วมด้วย โรคหอบหืดจะยิ่งแย่ลงเมื่อไม่สามารถรักษาอาการจมูกอักเสบได้ ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้อาการทั้ง 2 โรคแย่ลงพร้อมๆ กัน</li>
<li>เจ็บคอหรือไอเรื้อรัง &#8211; เมื่อผู้ป่วยมีอาการคัดจมูกต้องใช้การหายใจทางปากเพื่อช่วยระบบทางเดินหายใจ หรือมีน้ำมูกจำนวนมากไหลลงคอ จะทำให้มีอาการไอเรื้อรังและเจ็บคอ</li>
<li>ไซนัสอักเสบหรือริดสีดวงจมูก &#8211; ไซนัสอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุไซนัส เมื่อเยื่อบุจมูกบวมจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จะทำให้รูเปิดของไซนัสอุดตัน และมีการคั่งของสารคัดหลั่งภายในไซนัส เยื่อบุไซนัสเกิดการบวม และติดเชื้อแบคทีเรียตามมา นอกจากนั้น การอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุจมูก เป็นปัจจัยหนึ่งในการเกิดริดสีดวงจมูก และถ้าเยื่อบุจมูกบวมมากๆ อาจทำให้อากาศไม่สามารถผ่านไปสู่เซลล์ประสาทรับกลิ่นที่โพรงจมูกส่วนบน ทำให้ได้กลิ่นน้อยลง หรือจมูกอาจไม่ได้กลิ่นเลยได้</li>
<li>การกรนและภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ &#8211; ผู้ป่วยจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จะมีปัญหาคัดจมูกเป็นหลัก ทำให้การไหลเวียนของอากาศภายในโพรงจมูกลดลง ต้องพยายามสูดลมหายใจเข้าแรงขึ้นเวลานอน ในขณะที่การไหลเวียนของอากาศลดลงจะส่งผลให้เกิดการตีบแคบและอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน เกิดเป็นเสียงกรน และถ้าการอุดกั้นทางเดินหายใจเป็นมากขึ้น อาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ ภาวะเช่นนี้ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียหรือง่วงซึมในเวลากลางวัน ส่งผลให้การเรียนรู้และสมรรถภาพในการทำงานลดลง บุคลิกภาพแย่ลงรวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากขึ้น</li>
<li style="list-style-type: none;"></li>
</ul>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">การรักษา ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ</span></h4>
<p>ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้ผลการรักษาที่ดี และมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ซึ่งได้แก่ &#8220;การใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อลดการบวมของเยื่อบุจมูก&#8221; (Radiofrequency volumetric tissue reduction : RFVTR) ซึ่งคุณหมออุทัย บอกว่าเป็นการผ่าตัดที่นิยมทำเพื่อลดอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล โดยจะทำเมื่อโรคจมูกอักเสบเรื้อรังหรือเยื่อจมูกบวมไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา</p>
<p>&nbsp;</p>
<p>โดยแพทย์จะนำเข็มพิเศษ ทิ่มเข้าไปในเยื่อบุจมูก เพื่อส่งคลื่นความถี่สูง ( radiofrequency) ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานความร้อนให้แก่เนื้อเยื่อรอบๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียสภาพชั้นใต้เยื่อบุบางส่วน และต่อมาจะเกิดเนื้อเยื่อพังพืดทำให้มีการหดตัว และลดปริมาตร ของเยื่อบุจมูกที่อุดกั้นโพรงจมูก ทำให้โพรงจมูกโล่งขึ้น หายใจสะดวกขึ้น นอกจากนั้นคลื่นความถี่สูงจะทำลายเส้นประสาทและต่อมสร้างน้ำมูก ทำให้อาการคัน จาม น้ำมูกไหล และเสมหะลงคอลดลงด้วย</p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ข้อดีของการรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ</span></h4>
<ul>
<li>พักฟื้นน้อย ไม่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล</li>
<li>เห็นผลการรักษาภายใน 4-6 สัปดาห์</li>
<li>ไม่มีบาดแผลภายนอก</li>
<li>ใช้เวลาในการทำ 15-20 นาที</li>
<li>เสียเลือดน้อยมาก ประมาณ 1 CC</li>
<li>สามารถลดปริมาณยาภูมิแพ้ทั้งแบบรับประทาน หรือแบบพ่นจมูก บางรายสามารถหยุดยาภูมิแพ้ได้</li>
<li style="list-style-type: none;"></li>
</ul>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ดูแลตัวเองอย่างไร ก่อนและหลังผ่าตัด</span></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;"><strong>ก่อนการผ่าตัด</strong></span></p>
<ul>
<li>รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเป็นไข้หวัด หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ</li>
<li>หยุดรับประทานยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด</li>
<li style="list-style-type: none;"></li>
</ul>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;"><strong>หลังการผ่าตัด คล้ายกับการดูแลคนที่เป็นหวัด ดังนี้</strong></span></p>
<ul>
<li>ไม่อยู่ในที่ๆ มีอากาศเย็นโดยเฉพาะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ พัดลม เลี่ยงการดื่มน้ำเย็นหรือการอาบน้ำเย็น เพื่อช่วยอาการจมูกอักเสบให้ดีขึ้น</li>
<li>หากต้องการอยู่ในห้องแอร์ ควรตั้งอุณหภูมิให้สูงกว่า 25 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้ร่างกายถูกอากาศที่เย็นจนเกินไป</li>
<li>ผู้ที่ใช้พัดลม ไม่ควรเปิดเบอร์แรงสุด โดยจ่อหรือเป่ามาที่ส่วนของใบหน้า แนะนำให้พัดลมส่ายไปมา เพื่อกระจายความเย็นออกไป</li>
<li>ควรดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำในอุณหภูมิห้องจะดีกว่าการดื่มน้ำเย็นตลอดเวลา</li>
<li>ควรให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอโดยเฉพาะเวลานอน ควรมีผ้าห่มคลุมตัว</li>
<li>หากนอนในห้องแอร์ควรใส่ถุงนอน หรือใส่เสื้อหนาๆ สัก 2 ชั้น และกางเกงขายาว เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย</li>
<li style="list-style-type: none;"></li>
</ul>
<p>&nbsp;</p>
<p>หากผู้ป่วยสามารถปฏิบัติได้ดังคำแนะนำแบบนี้แล้วล่ะก็ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ป่วยให้ความร่วมมือและแสดงเจตนารมณ์ที่ต้องการหายจากโรคจมูกอักเสบอย่างถาวร</p>
<p>&nbsp;</p>
<p>&nbsp;</p>
<p style="text-align: right;"><span style="color: #00826a;"><strong>นพ.อุทัย ประภามณฑล</strong></span><br />
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม</p>
<p style="text-align: right;">ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง<br />
ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3</p>


การใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อลดการบวมของเยื่อบุจมูก สามารถลดอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล โดยจะทำเมื่อโรคจมูกอักเสบเรื้อรังหรือเยื่อจมูกบวมไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

จบปัญหาภูมิแพ้ ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล