เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการหลอดเลือดหัวใจตีบระดับปานกลาง “การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน หรือ ใส่ขดลวด” คือแนวทางการตรวจวินิจฉัยที่แพทย์มักแนะนำ โดยวิธีการทำจะคล้ายกับการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ ในกรณีนี้..สามารถทำต่อเนื่องหลังการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ หรืออาจนัดมาในภายหลังก็ได้
อาการบ่งชี้ที่ควร..ขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon)
- แน่นหน้าอกรุนแรง เหมือนมีของหนักกดทับ
- หายใจหอบเหนื่อย เหงื่อท่วม หมดแรง ใจสั่น หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม
- อาจมีอาการปวดร้าว หรือชา ไปที่แขน ไหล่ กราม
- มีประวัติหรือความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ภาวะอ้วน สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย
- เคยตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจคัดกรองอื่นๆ เช่น กราฟไฟฟ้าหัวใจ คลื่นเสียงสะท้อน กราฟหัวใจขณะเดินสายพานผิดปกติ
ขั้นตอนการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon)
- แพทย์นำสายสวนหัวใจชนิดบอลลูนสอดผ่านเส้นเลือดเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจตำแหน่งที่ตีบ
- บอลลูนจะถูกขยายให้พองตัวขึ้น โดยขยายตัวแนบไปกับผนังหลอดเลือดและกดทับพลัค (plaque)
- บอลลูนจะถูกทำให้แฟบลงและสายสวนจะถูกนำออกไปจากหลอดเลือดหัวใจ ทำให้บริเวณด้านในของหลอดเลือดกว้างขึ้นและเลือดไหลไปสู่กล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น
การขยายหลอดเลือดหัวใจ…ด้วยเทคนิคอื่นๆ
การขยายหลอดเลือดหัวใจโดยใส่ขดลวด (Stent)
- ขดลวดถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจเป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นหลอดโลหะทรงกระบอกขนาดเล็ก ซึ่งยึดติดอยู่บนบอลลูนของสายสวนหัวใจ
- แพทย์สอดสายสวนชนิดขดลวดเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจที่ตีบและขยายบอลลูนให้พองตัวขึ้น
- ขดลวดขยายตัวขึ้นกดทับผนังหลอดเลือดในขณะที่บอลลูนพองตัวขึ้น
- เมื่อบอลลูนถูกทำให้แฟบลงและนำออกจากหลอดเลือดแล้ว ขดลวดถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจจะยังคงอยู่ ณ บริเวณดังกล่าวถาวร เพื่อให้หลอดเลือดยังคงเปิดกว้างและทำให้การไหลของเลือดดีขึ้น
กรณีที่หลอดเลือดหัวใจมีไขมันและหินปูนเกาะจำนวนมาก หรือรอยตีบมีความแข็ง แพทย์อาจพิจารณารักษาโดยเทคนิคการกรอหลอดเลือดหัวใจด้วยการใช้ “หัวกรอความถี่สูง (Rotablator)” ซึ่งในกรณีนี้สามารถทำต่อเนื่องหลังจากเสร็จสิ้นการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจได้เลย หรืออาจนัดมาในภายหลังได้เช่นกัน
การขยายหลอดเลือดหัวใจโดยหัวกรอความถี่สูง (Rotablator)
หัวกรอความถี่สูง (Rotablator) มีลักษณะเป็นหัวกรอที่มีเพชรฝังอยู่ หัวกรอดังกล่าวจะหมุนด้วยความเร็วรอบ 140,000-200,000 รอบต่อนาที สิ่งอุดตันจะสลายออกเป็นอนุภาคเล็กๆ ซึ่งมีขนาดเล็กมากพอที่จะไหลเวียนในระบบหลอดเลือดอย่างปลอดภัยก่อนที่จะถูกกำจัดออกจากร่างกาย
ขั้นตอนการทำ
- แพทย์สอดสายสวนชนิดที่มีปลายเป็นหัวกรอความถี่สูง (Rotablator) เข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจที่ตีบ
- หัวกรอความถี่สูงจะเข้าไปกรอหินปูนภายในหลอดเลือดหัวใจ
- แพทย์นำหัวกรอความถี่สูงออกและหินปูนจะสลายเป็นอนุภาคเล็กๆไหลเวียนไปในระบบหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเปิดกว้างมากขึ้นและการไหลของเลือดดีขึ้น
หลังการขยายหลอดเลือดหัวใจ
กรณีสอดสายสวนหัวใจเข้าไปทางข้อมือ
- บริเวณข้อมือจะถูกกดห้ามเลือดด้วยสายรัดข้อมือเช่นเดียวกับการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ
กรณีสอดสายสวนหัวใจเข้าไปทางขาหนีบ
- แพทย์จะคาท่อนำสายสวนไว้จนกระทั่งยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดหมดฤทธิ์ลง จึงนำท่อนำสายสวนออก
- บริเวณขาหนีบจะถูกกดแผลห้ามเลือดประมาณ 15-30 นาที เมื่อเลือดหยุดจะปิดแผลด้วยพลาสเตอร์เหนียว และเพื่อให้แผลไม่มีเลือดออกเพิ่ม ช่วงแรกแผลที่ขาหนีบจะถูกกดและห้ามเลือดด้วยหมอนทราย (หนักประมาณ ½ – 1 กก.)
- ห้ามงอขาหรือลุกนั่งหรือยืนโดยที่แพทย์ไม่อนุญาต
- หลังการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารและน้ำได้
หากมีอาการเหล่านี้…ควรรีบแจ้งพยาบาล
- รู้สึกอุ่น หรือมีของเหลวไหลซึม หรือเจ็บแปลบบริเวณที่สอดสายสวนเข้าไป หรือมีรอยจ้ำเขียวสีคล้ำขึ้น บวมขึ้น หรือเป็นวงกว้างขึ้น
- รู้สึกไม่สบายตัว หรือต้องการความช่วยเหลือไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม
- หลังจากการขยายหลอดเลือดเพื่อให้ได้ผลดีผู้ป่วยควรอยู่โรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน และยังไม่ควรขับรถกลับด้วยตนเอง
ข้อควรปฏิบัติ…เมื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้าน
- ดูแลแผลโดยใช้พลาสเตอร์ปิดแผลไว้จนแผลแห้ง ถ้าแผลเปียกให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- เริ่มรับประทานยาจนกว่าแพทย์จะบอกให้หยุด
- ควบคุมปัจจัยเสี่ยงของหลอดเลือด
- เมื่อแพทย์นัด ควรมาตามนัดเพื่อติดตามอาการและตรวจร่างกาย และหากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์
- ควรแจ้งแพทย์อื่นๆ ให้ทราบว่าท่านได้รับการฝังขดลวด