“เมื่อไหร่จะเดินได้คะ…?”
“เมื่อไหร่จะพูดได้คะ…?”
นี่เป็นคำถามที่บรรดานักกายภาพบำบัดทุกคนมักจะถูกถามจากผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยบ่อยๆ ซึ่งยากจะให้คำตอบที่ระบุชัดลงไปได้ แต่สิ่งที่น่าจะกล่าวถึงและอธิบายได้ชัดเจนกว่าก็คือ เราทำกายภาพบำบัดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองไปทำไม ทำแล้วผู้ป่วยจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง? มากกว่า
โรคหลอดเลือดสมอง คือภาวะที่สมองขาดเลือดหรือออกซิเจนไปเลี้ยงทำให้สมองเกิดความพิการ ซึ่งความรุนแรงของความพิการก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้อสมองที่ถูกทำลายไป
หลังจากที่ได้รับการรักษาด้วยยาและหัตถการต่างๆ จากแพทย์จนอาการของโรคคงที่ ซึ่งระยะเวลาก็ขึ้นกับพยาธิสภาพและรอยโรคของผู้ป่วย ทั้งนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะยังคงมีภาวะสูญเสียการควบคุมแขนขาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย การพูด การกลืน แม้กระทั้งมีอารมณ์แปรปรวน บางรายสูญเสียความทรงจำ และอาจมีกระบวนการคิดที่ผิดแปลกไป
อาการเหล่านี้หลงเหลือมาจากการบาดเจ็บของสมอง โดยอาการแสดงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บเสียหายของสมองผู้ป่วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องได้รับการทำกายภาพบำบัด เพื่อแก้ไข ฟื้นฟู รักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา การได้รับการทำกายภาพบำบัดได้รวดเร็วจะส่งผลให้ผู้ป่วยเหลือความพิการลดน้อยลง บางรายสามารถกลับมาใช้ชีวิต ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองได้ใกล้เคียงปกติ
นักกายภาพบำบัด จะเป็นผู้ที่คอยดูแล รักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของผู้ป่วยในส่วนที่สูญเสียการควบคุมหรืออ่อนแรงอันเนื่องจากการบาดเจ็บของสมอง ให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำงานใช้ชีวิตประจำวันให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดการเป็นภาระของครอบครัวและสังคม โดยจะเน้นในส่วนของการฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อ กำลังกล้ามเนื้อ ลดการเกร็งตัว และวิเคราะห์จุดบกพร่องของผู้ป่วยในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการเคลื่อนย้ายตัวบนเตียง การนั่ง การยืน การเดิน เพื่อนำมาวางแผนการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วย โดยเทคนิคที่นำมาใช้นั้นมีหลายอย่าง เช่น การช่วยขยับข้อต่อเพื่อป้องกันการยึดติด การกระตุ้นให้ออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น การฝึกการทรงตัว การปรับปรุงแก้ไขเรื่องการเดินให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ตลอดจนให้คำแนะนำการฝึกปฏิบัติตัวอย่างง่ายที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายตามอาการ ให้สามารถทำเองได้ที่บ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาทำกิจกรรมต่างๆ ที่บกพร่องนั้นๆ ได้ ทั้งนี้ในส่วนของการฟื้นฟูผู้ป่วยยังมีบุคลากรที่มีส่วนสำคัญร่วมด้วย เช่น นักกิจกรรมบำบัด จะคอยดูแลเรื่องการกลืน การทำกิจกรรมที่ซับซ้อน และ นักอรรถบำบัด จะคอยดูแลในเรื่องของการพูด ร่วมด้วย ซึ่งบางรายอาจจะมีนักจิตวิทยา แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักสังคมสงเคราะห์ร่วมดูแลด้วย
สำหรับระยะเวลาที่เหมาะสมในการทำกายภาพบำบัดคือ หลังจากที่อาการผู้ป่วยคงที่ แพทย์เห็นสมควรให้เริ่มกายภาพบำบัดได้ ซึ่งในช่วง 3-6 เดือนแรกหลังจากเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นช่วงที่ผู้ป่วยจะฟื้นตัวได้เร็วที่สุด นับว่าเป็น “ ช่วงเวลาที่ดีของการฟื้นตัว” อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตัวสมองในส่วนที่เสียหายเองร่วมกับการเรียนรู้การเคลื่อนไหว หลังจากนั้นการฟื้นฟูจะช้าลง เมื่อสิ้นสุดช่วงที่สมองฟื้นตัวขึ้นมาเอง ก็จะเข้าสู่ระยะที่มีการปรับตัวเองของเซลล์สมองส่วนที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งพบว่าหากมีการฝึกพัฒนาการเคลื่อนไหวให้ถูกวิธี สมองสามารถพัฒนาไปได้อีกถึง 7 ปีจึงเริ่มช้าลง แต่ในทางกลับกัน หากผู้ป่วยได้รับการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง การฟื้นตัวเองหลังจากนั้นจะช้าลง ไม่ใช่เพราะผลจากสมอง แต่เป็นสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างร่างกายและความเคยชินที่ทำให้ไม่สามารถพัฒนาการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้น การแก้ปัญหาการเคลื่อนไหวก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาดังกล่าว
ดังนั้น ความสำเร็จของการทำกายภาพบำบัดในช่วงแรกขึ้นอยู่กับความเสียหายจากการบาดเจ็บ จิตใจของผู้ป่วย การให้ความร่วมมือ ความเข้าใจของผู้ดูแล และการได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยต่างๆ ส่งผลให้การฟื้นตัวในแต่ละคนไม่เท่ากัน กับคำถามที่ว่า กายภาพบำบัดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทำไปทำไม ทำแล้วผู้ป่วยจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง? คำตอบก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้นั่นเอง
กภ.อรรัฐา จิตรวงษ์ตระกูล
นักกายภาพบำบัดชำนาญการ สาขาวิชาชีพกายภาพบำบัด