ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด คลำพบก้อนเนื้อที่คอ ใช่มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) หรือเปล่า?

พญาไท 1

1 นาที

พ. 01/04/2020

แชร์


Loading...
ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด คลำพบก้อนเนื้อที่คอ ใช่มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) หรือเปล่า?

โรคมะเร็ง เป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับโรคต่างๆ และ “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” คือ 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย ซึ่งระบบน้ำเหลืองจะมีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค โดยมีเม็ดเลือดขาวทำหน้าที่สร้างสารภูมิคุ้มกันหรือทำลายเชื้อโรค มนุษย์เราจะมีต่อมน้ำเหลืองอยู่ทั่วร่างกาย เช่น บริเวณลำคอ รักแร้ เต้านม และขาหนีบ

 

ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมี 2 ชนิด คือ

  1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non-Hodgkin lymphoma (NHL) โดยในประเทศไทยพบชนิดนี้บ่อยที่สุด
  2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin disease (HD)

 

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นกับ “เพศชาย” มากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุประมาณ 60 – 70 ปี รวมไปถึงผู้ที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori และการติดเชื้อไวรัส EBV การสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง ตลอดจนผู้ป่วยที่เป็นโรค SLE หรือในผู้ป่วยติดเชื้อ HIV

 

การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีความเสี่ยงจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หลังจากแพทย์ซักประวัติและพิจารณาจากอาชีพลักษณะงาน สิ่งแวดล้อม สิ่งกระตุ้นแล้ว จะทำการตรวจหาดังนี้
  1. ตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
  2. ตรวจไขกระดูก เพื่อประเมินว่ามีการกระจายเข้าไปในไขกระดูกหรือไม่
  3. เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
  4. เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
  5. การตรวจกระดูก (Bone Scan)
  6. การตรวจ PET Scan

 

อาการเริ่มต้นของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่พบได้บ่อย

อาการเริ่มต้นของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ มักมีไข้ หนาวสั่น ไอเรื้อรัง หรือต่อมทอนซิลโต หายใจไม่ค่อยสะดวก เหงื่อชอบออกช่วงเวลากลางคืน เบื่ออาหารและน้ำหนักลด มีอาการคันทั่วทั้งร่างกาย และเมื่อคลำบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ…จะพบก้อนเนื้อ

 

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต! โดยมีปัจจัยเสี่ยงมาจาก
  • การชอบทานอาหารจำพวกช็อกโกแลต เนย หรือชีส
  • การชอบดื่มเครื่องแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • การเปลี่ยงแปลงของฮอร์โมน
  • การอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นน้ำหอม และอากาศร้อนจัด

 

ระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะดังนี้

ระยะที่ 1 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง หรือนอกต่อมน้ำเหลืองเพียงบริเวณเดียว
ระยะที่ 2 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง หรือนอกต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 2 ตำแหน่งขึ้นไป
ระยะที่ 3 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง หรือนอกต่อมน้ำเหลืองที่อยู่คนละด้านของกระบังลม
ระยะที่ 4 : มีรอยโรคกระจายออกไปเกินตำแหน่งเริ่มต้นที่พบ เช่น บริเวณตับ ไขกระดูก หรือปอด

 

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง

  1. การให้ยาปฏิชีวนะใน NHL บางชนิด
  2. การใช้ยาเคมีบำบัด
  3. การรักษาด้วยการฉายรังสี
  4. การรักษาด้วยแอนตี้บอดี้
  5. การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (Stem Cell Transplantation)

 

การดูแลตัวเองหลังการรักษา

  • รับประทานอาหารที่สะอาดและทำสุกใหม่ๆ
  • การออกกำลังกาย ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายเท่าที่ทนได้ ไม่ควรหักโหม
  • ผิวหนัง ควรอาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาดโดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น
  • ควรรักษาความสะอาดในช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ
  • ควรล้างและดูแลบริเวณทวารหนัก ทำความสะอาดหลังถ่ายทุกครั้ง
  • การดูแลสุขภาพจิต ควรทำความเข้าใจต่อแผนการรักษากับแพทย์
  • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

แชร์

Loading...
Loading...
Loading...