แค่อาการปวดท้อง…อาจเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจได้ด้วยเหรอ?
อาการปวดท้องกับโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
หากคุณรู้สึกปวดท้องบริเวณแถวลิ้นปี่ อาจเป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่ถ้าปวดท้องแถวรอบสะดือรุนแรง รวมถึงปวดหลังแถวบั้นเอวหรือท้องน้อยแถวเชิงกราน และมีอาการหน้ามืด มือเท้าเย็นร่วม สันนิษฐานได้เลยว่า อาจเป็นหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในท้อง อาจจะยังไม่แตกหรือแตกแล้วก็ได้
ถ้าปวดท้องแล้วไปพบหมอทางเดินอาหาร จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองจะเป็นก้อนเต้นตามจังหวะชีพจรรอบสะดือ สามารถคลำเจอก้อนได้แต่จะไม่เจ็บ แต่ถ้ามีอาการเจ็บร่วมด้วยแสดงว่าอาจจะใกล้แตก หรือแตกแล้วก็ได้ ถ้าหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งและแตก เราจะมีอาการท้องอืด ปวดรุนแรงมากแทบขยับตัวไม่ได้ นอกจากการคลำก้อนที่ช่องท้องแล้ว ใช้การเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CTScan) หรือตรวจด้วยอัลตราซาวด์ก็สามารถตรวจหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองได้
เมื่อรู้ว่าเป็นหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองแล้ว จะรักษายังไง
ถ้าหลอดเลือดแดงใหญ่ใกล้แตกหรือแตกแล้ว หรือโป่งพองจนมีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่มากกว่า 5 ซม. ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วน อาจจะใช้ขดเลือดหุ้มหลอดเลือดเทียมผ่านทางขาหนีบ เพื่อสอดหลอดเลือดเทียมเข้าไปแทนที่หลอดเลือดใหญ่ที่โป่งพอง วิธีนี้เป็นวิธีใหม่ ทำให้มีแผลผ่าตัดเล็ก หรือการผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อใส่หลอดเลือดเทียมทดแทน เป็นวิธีมาตรฐานแต่จะมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่
กลุ่มเสี่ยงของโรคนี้เป็นใครได้บ้าง
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองคือ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคความดัน ถุงลมปอดโป่งพอง ไขมันในเลือดสูง หรือกรรมพันธุ์ก็มีส่วน ในปัจจุบันผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง พบได้ในผู้ที่มีอายุน้อยลงแล้ว อาจจะได้พบได้ในคนที่อายุต่ำกว่า 40 ปี แต่ไม่ได้รักษาสุขภาพ มีการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ทานอาหารเค็มมาก อ้วน น้ำหนักเกิน และเครียด ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงทั้งนั้น และโรคนี้เราจะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงด้วย
ดูแลตัวเองให้ดี ห่างไกลโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
จากที่ได้กล่าวไปข้างบน มีหลากหลายปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงโป่งพอง โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคความดัน ต้องกินยาสม่ำเสมอ หมั่นวัดความดันบ่อยๆ เพื่อให้ทราบถึงภาวะร่างกายของตัวเอง ควรงดสูบบุหรี่แม้ว่าจะไม่มีอาการก็ตาม ควรตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องทุก 1 – 2 ปี ถ้าหากพบหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองแล้วแต่ยังโตไม่มาก ก็ควรตรวจให้ถี่ขึ้นเช่น ทุกๆ 6 เดือน ถ้ามีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 5 มิลลิเมตรใน 6 เดือน ก็ควรรักษาได้เลย เพราะจะเสี่ยงต่อการแตก แต่ถ้ามีอาการปวดท้องก็ต้องรีบมาหาหมอเช่นกัน การรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองจะได้ผลดี ถ้าหากมารักษาก่อนที่จะปริหรือแตก เพราะถ้ารักษาก่อนแตกมีอัตราการตายน้อยกว่า 5% แต่ถ้าแตกแล้วอัตราการตายสูงกว่าถึง 10 เท่าเชียวล่ะ