ไขมันพอกตับ โรคที่ฟังดูไม่คุ้นเคย แต่รู้ไหมว่านี่คือภาวะที่นำไปสู่โรคตับแข็ง โรคที่ได้ยินกันบ่อยๆ นี่ล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น…โรคไขมันพอกตับนี้กลับเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทุกๆ คนกว่าที่เราคิด เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทำงานเราในยุคนี้เลย โดยเฉพาะคนที่ไม่ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย
ไม่ดื่มสุราก็เป็นไขมันพอกตับได้
เป็นภัยเงียบเพราะอาจไม่แสดงอาการ
ไขมันพอกตับเกิดจากอะไรได้บ้าง
การรักษาไขมันพอกตับ
- ในผู้ป่วยที่อ้วน การลดน้ำหนักจะทำให้ภาวะดื้ออินซูลินและพยาธิสภาพของเนื้อตับในผู้ป่วย NAFLD ดีขึ้น เพราะคนอ้วนที่เป็นเบาหวาน ไขมันสูง มีโอกาสเกิดไขมันพอกตับได้สูงถึงร้อยละ 90
- ออกกำลังกาย แบบแอโรบิคและยืดเหยียดอย่างสม่ำเสมอ 30-45 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
- ควบคุมอาหาร ลดการกินเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลฟรุคโตสสูง งดดื่มน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ปรุงแต่ง เลือกกินคาร์โบไฮเดรตชนิดที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ อย่างข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ผลิตภัณฑ์จากนม ผักเกือบทุกชนิด และบริโภคโปรตีนจากปลาทะเล
- ผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก หรือศัลยกรรมโรคอ้วนสามารถทำให้ผู้ป่วยร้อยละ 92 มีไขมันสะสมภายในตับลดลง ผู้ป่วยร้อยละ 81 มีอาการดีขึ้น และผู้ป่วยร้อยละ 66 มีการลดลงของพังผืดที่สะสมภายในตับ การผ่าตัดเหมาะสมกับผู้ป่วย NAFLD ที่มีโรคอ้วนระดับรุนแรง และไม่เหมาะกับผู้ป่วย NAFLD ที่เกิดตับแข็ง
- การรับประทานยา แพทย์จะรักษาตามอาการของโรคแทรกซ้อนจากไขมันพอกตับ เช่น ให้ยารักษาโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง
พญ. ศิรินทร์ทิพย์ ศรีเดิมมา
แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหารและตับ
ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารและตับ
โรงพยาบาลพญาไท 3