ไขมันพอกตับ…อีกภัยเงียบของคนอ้วนที่ไม่ดูแลตัวเอง

ไขมันพอกตับ…อีกภัยเงียบของคนอ้วนที่ไม่ดูแลตัวเอง

ไขมันพอกตับ โรคที่ฟังดูไม่คุ้นเคย แต่รู้ไหมว่านี่คือภาวะที่นำไปสู่โรคตับแข็ง โรคที่ได้ยินกันบ่อยๆ นี่ล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น…โรคไขมันพอกตับนี้กลับเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทุกๆ คนกว่าที่เราคิด เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทำงานเราในยุคนี้เลย โดยเฉพาะคนที่ไม่ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย

 

ไม่ดื่มสุราก็เป็นไขมันพอกตับได้

ไขมันพอกตับ หรือที่เรียกว่า Non-Alcoholic Fatty Liver Disease (NAFLD) คือภาวะที่มีไขมัน โดยเฉพาะ ไตรกรีเซอร์ไรด์อยู่ในเซลล์ตับ ถึงแม้ว่าบุคคลนั้นจะไม่ได้ดื่มสุราก็ตาม และในผู้ป่วยบางส่วนที่ไขมันทำให้เกิดการอักเสบของตับ เกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า Non-Alcoholic Steatohepatitis (NASH) นั้นในที่สุดอาจเกิดภาวะตับแข็งได้

 

เป็นภัยเงียบเพราะอาจไม่แสดงอาการ

อาการของภาวะไขมันพอกตับทั้งสองแบบนี้ มีลักษณะเดียวกันคือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ หรืออาจจะมีอาการเพียงแค่ปวดแน่นชายโครงข้างขวาแบบค่อยเป็นค่อยไป และนอกจากนั้นอาจตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวาน อ้วน ไขมันในเลือดสูงร่วมด้วย ดังนั้นการวินิจฉัยที่จะทำให้แพทย์รู้ผลได้อย่างแน่ชัด จึงต้องเริ่มจากการตรวจร่างกายและซักประวัติอย่างละเอียด ถึงประวัติการดื่มสุรา, รับประทานยาชนิดใด และมีประวัติติดเชื้อไวรัสบี ซี และตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ อย่างการเจาะเลือดเพื่อดูการทำงานของตับ ระดับน้ำตาล และเพื่อดูว่ามีภาวะดื้อต่ออินซูลิน, ระดับไขมันในเลือดว่าสูงกว่าปกติหรือไม่ การตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบน การตรวจซีทีสแกน CT Scan และการเจาะชิ้นเนื้อที่ตับเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา

 

ไขมันพอกตับเกิดจากอะไรได้บ้าง

นอกจากภาวะไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน อ้วน หรือการดื่มสุราก็เป็นสาเหตุหนึ่งแล้ว ไขมันพอกตับยังเกิดจากโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี หรือการทานยาบางชนิดอย่างต่อเนื่องก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน

 

การรักษาไขมันพอกตับ

  1. ในผู้ป่วยที่อ้วน การลดน้ำหนักจะทำให้ภาวะดื้ออินซูลินและพยาธิสภาพของเนื้อตับในผู้ป่วย NAFLD ดีขึ้น เพราะคนอ้วนที่เป็นเบาหวาน ไขมันสูง มีโอกาสเกิดไขมันพอกตับได้สูงถึงร้อยละ 90
  2. ออกกำลังกาย แบบแอโรบิคและยืดเหยียดอย่างสม่ำเสมอ 30-45 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
  3. ควบคุมอาหาร ลดการกินเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลฟรุคโตสสูง งดดื่มน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ปรุงแต่ง เลือกกินคาร์โบไฮเดรตชนิดที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ อย่างข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ผลิตภัณฑ์จากนม ผักเกือบทุกชนิด และบริโภคโปรตีนจากปลาทะเล
  4. ผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก หรือศัลยกรรมโรคอ้วนสามารถทำให้ผู้ป่วยร้อยละ 92 มีไขมันสะสมภายในตับลดลง ผู้ป่วยร้อยละ 81 มีอาการดีขึ้น และผู้ป่วยร้อยละ 66 มีการลดลงของพังผืดที่สะสมภายในตับ การผ่าตัดเหมาะสมกับผู้ป่วย NAFLD ที่มีโรคอ้วนระดับรุนแรง และไม่เหมาะกับผู้ป่วย NAFLD ที่เกิดตับแข็ง
  5. การรับประทานยา แพทย์จะรักษาตามอาการของโรคแทรกซ้อนจากไขมันพอกตับ เช่น ให้ยารักษาโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง

 

พญ. ศิรินทร์ทิพย์ ศรีเดิมมา

แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหารและตับ

ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารและตับ

โรงพยาบาลพญาไท 3


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

ท้องอืด ท้องเฟ้อบ่อย อาหารไม่ย่อย...เขาเรียกว่าโรคดิสเปปเซียนะ

พญาไท 3

ท้องอืด แน่นท้อง ท้องเฟ้อบ่อย รู้สึกไม่สบายท้องด้านบนส่วนกลางหรือแถวลิ้นปี่ นอกจากจะเป็นอาการของอาหารไม่ย่อย หรืออาจเกิดจากท้องผูกแล้ว อาจเป็นอาการของโรคดีสเปปเซีย (Dyspepsia) ที่ควรตรวจหาสาเหตุ

รู้ไว้  ห่างไกล  มะเร็งลำไส้

พญาไท 3

“โรคมะเร็ง” ใครๆ ก็กลัวที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง แต่หากพิจารณาอย่างเข้าใจ จะทำให้ทราบว่า หลายคนมีแต่ความกลัว แต่กลับไม่ใส่ใจที่จะดูแลหรือระวังสิ่งที่อาจจะเป็นที่มาของโรคร้ายนี้

ไฟโบรสแกน (FIBROSCAN)… ตัวช่วยไขความลับปัญหาเรื่องตับของคุณ

พญาไท 3

กว่าจะรู้ว่าตับเริ่มมีความผิดปกติ ก็อาจสายไปเสียแล้ว การตรวจด้วยไฟโบรสแกนจึงเป็นอีกทางเลือกที่ดี ที่จะช่วยให้คุณรู้ความผิดปกติของตับได้ และวางแนวทางแก้ไขตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

โรคท้องเสีย

พญาไท 3

คนที่ท้องเสียไม่อาจกหายได้เองเสมอไป หากท้องเสียนานกว่า 48 ชั่วโมง อุจจาระมีเลือดปนหรืออาเจียนรุนแรงร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ด่วน เพราะอาจเกิดภาวะความดันโลหิตต่ำซึ่งอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต