“หลอดเลือดหัวใจตีบ” แก้ไขได้...ด้วยการผ่าตัด

พญาไท 3

1 นาที

จ. 30/03/2020

แชร์


Loading...
“หลอดเลือดหัวใจตีบ” แก้ไขได้...ด้วยการผ่าตัด

วันนี้เราจะพามารู้จักกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคที่ไม่ได้มีแต่ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่กำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้โดยไม่รู้ตัว โรคนี้มีอาการ วิธีการรักษา และเทคนิคในการป้องกันตัวเองได้ยังไงบ้าง เรามาดูกันเลย

“หลอดเลือดหัวใจตีบ” เกิดขึ้นได้อย่างไร

คุณหมออธิบายง่ายๆ ให้เราฟังว่า “หลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากการที่มีไขมันมาเกาะที่ผนังเลือด ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบแคบลง เกิดการไหลเวียนของเลือดลดลง จนส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ในที่สุด”

ลักษณะ “อาการ” ที่ต้องระวัง

ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น จะมีอาการที่สังเกตได้คือ แน่นหน้าอก เวลาที่ออกกำลังกายหรือทำงานหนัก และเมื่อพักอาการจะดีขึ้น มีการหายใจที่เหนื่อยหอบ จากภาวะหัวใจวาย บางคนอาจมีการเจ็บหน้าอกเฉียบพลัน เหงื่อออกจนเป็นลมได้

อะไร คือ “ปัจจัยเสี่ยง”

หลายคนเข้าใจผิดว่าอายุที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่รู้ว่าความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ทั้งโรคและพฤติกรรม เช่น โรคความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ความอ้วน การทานอาหารที่มีไขมันสูงๆ หรือแม้แต่พันธุกรรม

รักษาด้วยการ “ผ่าตัด Bypass”

การผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting) คือ การผ่าตัดหัวใจเพื่อรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบโดยทำทางเบี่ยงของทางเดินเลือดใหม่ เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจด้วยเส้นทางใหม่ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถทำกิจวัตรประจำวันที่เป็นปกติหรือใกล้เคียงปกติได้มากที่สุด และยังสามารถลดการเสียชีวิตกระทันหันได้

เชค “ข้อบ่งชี้” ก่อนทำการผ่าตัด แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกายทั่วไป และอาจมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมต่างๆ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), การวิ่งสายพาน (Exercise stress test) ขณะวิ่งสายพาน ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอก เส้นเลือดหัวใจตีบ ผลจะส่งไปปรากฏที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), การตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography) การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Coronary Computerized tomography angiography) และตรวจฉีดสี ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น แพทย์จะพิจารณาข้อบ่งชี้ร่วมด้วย เช่นมีการตีบตันของหลอดเลือดโคโรนารีซ้ายอย่างรุนแรงหรือไม่ มีการตีบของหลอดเลือดหัวใจรุนแรงหลายเส้นหรือเปล่า หรือผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หอบเหนื่อยบ้างมั๊ย

“ขั้นตอน” การผ่าตัด Bypass

เริ่มจากวิสัญญีแพทย์วางยาสลบ (General anesthesia) ศัลยแพทย์ผ่าเปิดกระดูกหน้าอกและเอาเส้นเลือดแดงใต้กระดูกหน้าอก เส้นเลือดดำที่ขา และ/หรือ เส้นเลือดแดงที่แขน มาต่อข้ามเส้นเลือดเดิมที่ตีบตัน ปลายข้างหนึ่งของหลอดเลือดใหม่จะต่อใต้เส้นเลือดเดิมที่ตีบตัน ปลายอีกข้างหนึ่งต่อเหนือเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจที่ตีบตัน จะได้เส้นทางเดินของเลือดใหม่ เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น

 

เมื่อก่อนการผ่าตัดอาจจะต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม (On-Pump Coronary Artery Bypass Grafting, รูปที่ 3) มาช่วยในขณะที่หัวใจหยุดเต้น เพื่อให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดได้ง่ายขึ้น แต่ในปัจจุบันการผ่าตัดโรคหัวใจหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน สามารถทำได้โดยโดยไม่ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม (Off-Pump Coronary Artery Bypass Grafting) หรือหัวใจไม่หยุดเต้น โดยใช้เครื่องมือช่วยให้บริเวณผ่าตัดหยุดนิ่งพอที่ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดได้ (รูปที่ 4) ซึ่งศัลยแพทย์จะเป็นผู้ที่เลือกชนิดของการผ่าตัดให้เหมาะสมแก่ผู้ป่วยแต่ละราย

“เครื่องปอดหัวใจเทียม” ตัวช่วย หรือ ตัวฉุด

การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเมื่อหัวใจหยุดเต้น ศัลยแพทย์สามารถทำการต่อหลอดเลือดใหม่ได้ง่าย แต่การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมก็มีข้อเสียคือ ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นทั่วร่างกาย เนื่องจากเลือดทั้งหมดในร่างกายต้องออกมาผ่านเครื่องปอดหัวใจเทียมเพื่อเติมออกซิเจนแล้วให้กลับไปในตัวผู้ป่วยใหม่ นอกจากนี้ร่างกายยังกระตุ้นสารเคมี ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมยังมีผลต่อเกล็ดเลือดและการแข็งตัวตัวของเลือด ซึ่งอาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหลังผ่าตัด การใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมมีผลต่อระบบการทำงานของปอด ไตและสมองนอกจากนี้การทำให้หัวใจหยุดโดยใช้สารเคมีซึ่งจำเป็น ยังอาจมีผลกระทบในระดับเซลล์ของหัวใจและทำให้การฟื้นตัวและการทำงานของหัวใจลดลงหลังผ่าตัดหัวใจ

ในบางกรณีที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งมีเศษไขมันหรือคราบไขมันติดอยู่ตรงหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า (aorta) อยู่ เมื่อใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมอาจทำให้เศษไขมันที่เกาะอยู่หลุดเข้าไปในระบบการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ หรือฟองอากาศเล็กๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมอาจหลุดเข้าไปในระบบการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าหลุดเข้าไปในระบบการทำงานของสมองอาจทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตได้ ถ้าหากศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดหลอดเลือดบายพาสได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม ภาวะแทรกซ้อนทั้งหมดของเครื่องปอดหัวใจเทียมจะถูกตัดออกไป 100 %

 

การผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจบายพาสโดยไม่ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม (Off-pump Coronary Artery Bypass Grafting) เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งเข้ามาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการทางเลือกใหม่ อย่างไรก็ตามการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจบายพาสโดยหัวใจไม่หยุดเต้นก็มีผลข้างเคียงถ้าศัลยแพทย์ไม่มีความชำนาญและประสบการณ์เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เส้นเลือดตีบตันกว่าเดิมได้ หรือศัลยแพทย์บางท่านที่มีการประสานงานกับวิสัญญีแพทย์ได้ไม่ดีพอ ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยได้ด้วยเช่นกัน
นพ.เพิ่มยศ เรืองสกุลราช
ศัลยศาสตร์หัวใจหลอดเลือดและทรวงอก
ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 3

แชร์

Loading...
Loading...
Loading...