“การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือ” ทางเลือกใหม่ตรวจรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

พญาไท 3

1 นาที

จ. 30/03/2020

แชร์


Loading...
“การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือ” ทางเลือกใหม่ตรวจรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

“การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือ” ทางเลือกใหม่ตรวจรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือเหนื่อยง่าย เวลาออกแรงหนักๆ หรือบางรายมีอาการเจ็บหน้าอกเฉียบพลันและหัวใจวาย แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้การตรวจรักษาสวนหลอดเลือดหัวใจในปัจจุบันนี้สามารถทำผ่านทางข้อมือได้แล้ว

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ..กับการสวนหลอดเลือดหัวใจ

การสวนหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Angiography : CAG) หรือการฉีดสี นับเป็นการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่สำคัญอย่างหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งคุณหมอจะใส่สายสวนขนาดเล็กเข้าไปตามหลอดเลือดแดงก่อนถึงหัวใจเล็กน้อย จากนั้นก็ฉีดสารทึบรังสีเอ็กซเรย์เข้าทางสายสวนให้วิ่งไปที่หลอดเลือดหัวใจ แล้วทำการถ่ายภาพ เพื่อเชคดูว่า มีการตีบแคบ หรือตีบตันของหลอดเลือดหรือไม่ เพื่อพิจารณาหาแนวทางการรักษาต่อไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค ว่าเหมาะที่จะรักษาวิธีใด ด้วยยา, ใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ หรือใส่ขดลวดในหลอดเลือดหัวใจ

“สวนผ่านขาหนีบ” วิธีเบสิคที่ใครๆ ก็ทำกัน

การสวนหลอดเลือดหัวใจที่ทำผ่านขาหนีบ (Femoral artery) จะใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ใช้ยาสลบและไม่ต้องผ่าตัด นั่นแปลว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาและสามารถพูดคุยได้ แต่ถึงแม้วิธีนี้จะใช้เวลาในการตรวจเพียงแค่ 30-60 นาที แต่หลังจากนั้นผู้ป่วยจะต้องนอนราบและงอขาข้างที่ตรวจไม่ได้ประมาณ 6 ชั่วโมง ไม่สามารถลุกนั่งหรือเดินได้ ในเคสที่จำเป็นต้องรักษาด้วยการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจรวมถึงการใส่ขดลวดในหลอดเลือดหัวใจก็สามารถทำต่อได้เลยทันที หลังจากนั้นผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วัน และกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติภายใน 1 สัปดาห์

แอดวานซ์กว่าด้วย “การตรวจผ่านทางข้อมือ”

ด้วยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เดี๋ยวนี้เราสามารถตรวจผ่านหลอดเลือดแดงบริเวณข้อมือ (Radial artery)ได้แล้ว ซึ่งแม้ว่าหลอดเลือดจะมีขนาดเล็กกว่าและมีทางเดินที่คดเคี้ยวกว่า แต่ก็มีการพัฒนาอุปกรณ์ให้มีความเหมาะสมและสามารถทำการตรวจและรักษาได้ใกล้เคียงกับการตรวจผ่านหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบ ซึ่งวิธีนี้ได้รับความนิยมกันมากขึ้นเรื่อย อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี คศ 2007-2011 ก็มีผู้ป่วยที่ได้รับการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว

เจาะลึกลักษณะ “หลอดเลือดแดงบริเวณข้อมือ”

โดยปกติบริเวณข้อมือจะมีระบบเลือดหล่อเลี้ยงโดยหลอดเลือด 2 เส้นคือ หลอดเลือดแดง Radial และ Ulnar โดยที่แพทย์จะทำการทดสอบด้วยวิธีการง่าย ๆ ที่เรียกว่า Allen’s test เพื่อตรวจสอบว่าหลอดเลือดทั้ง 2 ปกติสามารถทำการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือได้หรือไม่ ซึ่งผู้ป่วยมากกว่า 90% ส่วนใหญ่จะมีหลอดเลือดทั้ง 2 ปกติ

ทุกอย่างมีสองด้าน การรักษาก็เช่นกัน

ถึงวิธีนี้อาจจะทำให้แพทย์ทำงานยากขึ้น เพราะต้องใช้ทักษะมากกว่าเดิม และบางครั้งก็เกิดภาวะหดตัวของหลอดเลือด (Radial artery spasm) ซึ่งถ้ารุนแรงก็อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนมาทำการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางขาหนีบแทน แต่ก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เช่น ผู้ป่วยไม่ต้องนอนขาเหยียดตรงหลายๆ ชั่วโมง หลังการตรวจและรักษาก็สามารถลุกเข้าห้องน้ำได้ นั่งทานอาหารได้ มีเพียงสายรัดข้อมือ (TR band) ที่ต้องใส่ไว้ประมาณ 2-4 ชั่วโมง (รูปที่ 5) จึงทำให้ระยะเวลาในการพักฟื้นที่โรงพยาบาลนั้นสั้นลง สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ภายในไม่กี่วัน เรื่องของภาวะแทรกซ้อนเฉพาะที่ (Local Complication) จากการใส่สายสวนก็น้อยกว่าบริเวณขาหนีบมาก เพราะการที่เส้นเลือดมีขนาดเล็กกว่า และอยู่ใกล้ผิวหนังมากกว่า ทำให้ควบคุมการหยุดเลือดได้ดีกว่ามาก เมื่อเทียบกับบริเวณขาหนีบที่หากมีเลือดออก อาจต้องให้เลือด หรือบางครั้งอาจมีภาวะหลอดเลือดโป่งพองจนต้องผ่าตัดซ่อม ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถงอขาหรือลุกเดินได้เป็นเวลานานหลายอาทิตย์

ตัดสินใจเลือกวิธีให้เหมาะสม เพื่อผลที่ดีที่สุด

โดยทั่วๆ ไป การตัดสินใจนี้อาจจะขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ทำการตรวจเป็นหลัก ซึ่งก็มีทั้งกลุ่มแพทย์ที่ทำการสวนหลอดเลือดผ่านทางขาหนีบเป็นหลัก และแพทย์ที่ทำผ่านทางข้อมือเป็นหลักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวแพทย์เองก็ต้องมีความเชี่ยวชาญและชำนาญสูง อย่างในเคสที่ผู้ป่วยอ้วนมากหรือหรือมีภาวะหลอดเลือดขาส่วนปลายตีบ การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือก็จะมีข้อดีมากกว่า แต่ในบางเคสที่ต้องการรักษาหลอดเลือดแดงที่ข้อมือไว้ใช้ในการรักษาอื่น ๆ เช่นการฟอกไต (Hemodialysis) หรือผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจที่อุดตันทําทางเดินของเลือดใหม่ (Coronary Artery Bypass Graft : CABG) การสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางขาหนีบก็ดูจะเหมาะสมกว่า

ป้องกันไว้ก่อนได้ ด้วยไลฟ์สไตล์ “Heart Healthy Life”

พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีจะสามารถลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน รวมทั้งโรคหัวใจได้ เริ่มตั้งแต่การกินอาหารสุขภาพ เช่นผัก, ผลไม้, พืชเมล็ดถั่ว, ปลา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่นเดินเร็วประมาณ 30 นาทีให้ได้เกือบทุกๆวัน ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม ไม่สูบบุหรี่ และดูแลรักษาโรคประจำตัว โดยเฉพาะเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง

ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือและขาหนีบ

การสวนหลอดเลือดหัวใจ

ผ่านทางข้อมือ

ผ่านทางขาหนีบ

นอนพักหลังการสวนหัวใจ ไม่ต้อง ประมาณ 6 ชม.
ภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดเฉพาะที่ 1.4% 3.7%
โอกาสสำเร็จจากการตรวจและรักษา 95% 95%
ผู้ป่วยเลือกที่จะตรวจทางข้อมือในครั้งถัดไป 90% 50%
โรงพยาบาลพญาไท 3

แชร์

Loading...
Loading...
Loading...