อาการใจสั่น หัวใจเต้นแรง รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ แน่นตรงหน้าอก บางคนคิดว่าไม่ร้ายแรง เดี๋ยวก็หาย โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า นั่นอาจเป็นสัญญาณที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจได้
ทำไมเราถึงมีอาการ “ใจสั่น” ?
ความจริงแล้วอาการใจสั่นนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- เกิดจากความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ
- อาการใจสั่นร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น หน้ามืด เป็นลมหมดสติ เจ็บ แน่นหน้าอก หรือเหนื่อยหอบกว่าปกติ ที่อาจบ่งบอกว่าเป็นโรคหัวใจรุนแรง ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
- อาการใจสั่นที่เกิดขึ้นทันทีทันใด โดยไม่ได้เกี่ยวกับการออกแรง และสามารถหายได้เอง ผู้ป่วยมักแยกอาการแตกต่างกันขณะที่มีและไม่มีอาการใจสั่น
- การใจสั่นที่เกิดร่วมกับจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ
- อาการใจสั่น ในผู้ป่วยที่ทราบว่าเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยที่เคยมีกล้ามเนื้อหัวใจตายจากหลอดเลือดอุดตัน หัวใจโต หัวใจผิดปกติแต่กำเนิด
- อาการใจสั่นในผู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวใกล้ชิดเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะการเสียชีวิตกะทันหันก่อนวัยอันควร
ในบางครั้งที่หัวใจเต้นเร็วมาก อาจเกิดการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อย หรือเวียนศีรษะ บางครั้งหัวใจเต้นเร็วจนไม่สามารถพยุงความดันโลหิต ก็จะส่งผลให้เกิดการหน้ามืด เวียนศีรษะได้ และถ้าอาการเกิดขึ้นขณะที่อยู่นิ่ง ๆ โดยอาการเกิดขึ้นและหยุดทันที ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์หรือสัมพันธ์กับอาการเวียนหัว วูบ หน้ามืด มักมีสาเหตุจากวงจรไฟฟ้าเต้นผิดปกติ เพราะหากตื่นเต้น เครียด หรือออกกำลังกาย มักจะมีการเต้นเร็ว ค่อยๆ เป็น และค่อยๆ เต้นช้าลงเรื่อยๆ
ทั้งนี้ภาวะหัวใจเต้นเร็วอาจจะไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ แต่เกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะเลือดจาง ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ จากโรคท้องร่วงหรือเสียเลือดมาก ซึ่งเมื่อได้รับการรักษาแล้ว ภาวะหัวใจเต้นเร็วก็จะกลับสู่ปกติ โดยไม่ต้องใช้ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เมื่อเกิดภาวะใจสั่น รักษาได้ยังไงบ้าง ?
- ตรวจร่างกาย การตรวจเอกซเรย์ปอด และหัวใจ และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อช่วยการวินิจฉัย หรือนำไปสู่การส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติมที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยที่สงสัยว่าตนเองอาจมีปัญหาเรื่องหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจฉีกขาดหรือไม่นั้น แพทย์อาจส่งตรวจการเต้นของหัวใจด้วยการเดินวิ่งบนสายพาน (Exercise Stress Test)
- ผู้ป่วยที่สงสัยว่าตัวเอง มีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนา หัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ลิ้นหัวใจตีบ หรือผนังกั้นหัวใจรั่ว หรือโรคของเยื่อหุ้มหัวใจ คุณหมอก็จะส่งตรวจด้วยเครื่องตรวจเสียงสะท้อนหัวใจ (Ecohocardigraphy)
นอกจากนี้ การรักษายังขึ้นอยู่กับผลการตรวจว่ามีหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ ถ้ามีการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นเป็นชนิดใด และที่สาเหตุจากโรคหัวใจ หรือ ความผิดปกติของอวัยวะใด การรักษาที่สำคัญ คือ รักษาที่สาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว หากหลอดเลือดหัวใจตีบมาก อาจต้องได้รับการรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจ เช่น การทำบอลลูน หรือการถ่างหลอดเลือด ด้วยขดลวดต่อไป
“ปัจจัยเสี่ยง” ที่ทำให้เกิดอาการใจสั่น
- คาเฟอีน
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ภาวะความเครียด
- การอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ภาวะขาดน้ำ
- การเจ็บป่วยจากโรค เช่น ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ หรือทำงานมากเกินไป
- ยาบางชนิด
“ภาวะใจสั่น” ป้องกันการเกิดได้
ส่วนการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด ก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำจิตใจให้แจ่มใส ลดความเครียด งดการสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ก็ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และถ้ามีอาการที่ผิดปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์