โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มักจะระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวถึงฤดูร้อน สามารถติดต่อกันด้วยการสัมผัสสารคัดหลั่งจากตุ่มที่ผิวหนัง หรือเสมหะของคนไข้ หรือการใช้ของร่วมกับผู้ที่เป็นโรค และยังสามารถติดเชื้อได้จากทางเดินระบบหายใจด้วยเช่นกันทั้ง การไอ จาม หายใจ เป็นต้น หลังจากได้รับเชื้อเข้าไปแล้วจะมีระยะในการฟักตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็จะเกิดอาการของโรค ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใสนี้ยังเป็นไวรัสชนิดเดียวกับโรคงูสวัดด้วย เพราะฉะนั้นหากเคยเป็นอีสุกอีใสแล้ว ในอนาคตมีโอกาสที่จะเป็นงูสวัดได้
สังเกตอาการให้ดีโรคนี้คือ “อีสุกอีใส”
อาการของเด็กที่เป็นโรคอีสุกอีใสจะคล้ายกับเด็กที่เป็นโรคมือปากเท้าปาก คือ โรคอีสุกอีใสจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร รวมถึงปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และมีผื่นขึ้นตามใบหน้า ลำตัวและหลัง ต่างจากโรคมือเท้าปากที่ขึ้นที่มือ เท้า และปากเท่านั้น ซึ่งตุ่มเหล่านี้จะกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆ คล้ายตุ่มหนอง และจะมีอาการคันร่วมด้วย หลังจากนั้นประมาณ 2-4 วันตุ่มใสๆ ก็จะเริ่มตกสะเก็ด บางคนจะมีแผลในช่องปากและอาการเจ็บคอร่วมด้วย ทำให้ปากและลิ้นเปื่อย
ดูแลลูกให้ดี…ไม่มีอาการแทรกซ้อน
แม้ว่าโรคอีสุกอีใสจะดูไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็สามารถมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ถ้าไม่ดูแลให้ดี อาการแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือ การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนบนผิวหนัง ทำให้กลายเป็นหนองและมีแผลเป็นตามมา ในบางคนเชื้ออาจจะกระจายเข้าไปในกระแสเลือดทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นพิษ และปอดบวมได้
โรคอีสุกอีใสหายเองได้…
โรคอีสุกอีใสสามารถหายเองได้ จะมีไข้อยู่เพียงไม่กี่วัน และตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆ หายไปภายใน 1-3 สัปดาห์ การรักษาที่ดีคือ การพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมกับดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีไข้แค่ทานยาพาราเซตามอล เพื่อลดอาการไข้ ควรอาบน้ำและใช้สบู่ฆ่าเชื้อฟอกผิวหนังให้สะอาด ควรตัดเล็บให้สั้นแหละหลีกเลี่ยง การแกะหรือเกา แต่สามารถใช้ยาช่วยลดอาการคันได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะมียาที่ช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อไวรัสอีสุกอีใสได้แล้ว แต่ต้องใช้ยาขนาดสูง ราคาแพงมาก และยังต้องใช้ยาภายในวันแรกๆ ที่มีอาการด้วย สำหรับแผลอีสุกอีใสโดยปกติจะไม่เกิดแผลเป็น แต่ถ้าระหว่างที่เป็นมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน จะทำให้แผลบวมแดง เป็นหนอง และยิ่งถ้าไปแกะเกาด้วยก็จะเกิดแผลเป็นได้
เรื่องน่ารู้… โรคอีสุกอีใส
- เมื่อเป็นอีสุกอีใสควรแยกห้องจากผู้อื่นเพื่อป้องกันการติดต่อ และอาจจะต้องหยุดเรียนประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อให้แผลตกสะเก็ดและค่อยๆ หาย
- เชื้อไวรัสอีสุกอีใสนี้สามารถถ่ายทอดผ่านแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ได้ อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการหรือเป็นโรคหัวใจได้ โดยเฉพาะแม่ที่ติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์ภายใน 20 สัปดาห์แรก
- โรคอีสุกอีใสไม่มีของแสลง สามารถทานอาหารได้ทุกชนิด แต่ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสแล้ว และมีประสิทธิภาพการป้องกันโรคได้มากถึง 90% สามารถขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้จากกุมารแพทย์
ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลพญาไท 2
โทร. 02-617-2444 ต่อ 3219-20