ปวดศีรษะแบบไหน…แยกให้ออกก่อน
อาการ ปวดหัว หรือ ปวดศีรษะ ที่เราเป็นกันอยู่นั้น มีปัจจัยและสาเหตุในการเกิดที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การรักษาก็ย่อมมีเป้าหมายเพื่อทำให้อาการปวดนั้นบรรเทาลงหรือหายไป การค้นหาสาเหตุเพื่อการระบุโรคให้แน่ชัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อแพทย์จะได้เลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมและตรงโรค
การปวดศีรษะหรือปวดหัวเกิดจากอะไร?
การที่เรารู้สึกปวดศีรษะหรือปวดหัวนั้น เกิดจากเส้นประสาทได้รับความเจ็บปวดบริเวณศีรษะและลำคอ ความรู้สึกนี้จะถูกส่งไปยังสมองส่วนกลาง และส่งผลให้สมองตอบสนองออกมาเป็นอาการปวดหัวนั่นเอง
2 ประเภทใหญ่ๆ ของอาการปวดศีรษะ
- ปวดศีรษะจากโรคทางสมอง เกิดจากความผิดปกติของสมอง เช่น การติดเชื้อ เนื้องอกในสมอง เลือดออกในสมอง มักจะปวดศีรษะแบบเฉียบพลัน รุนแรง แขนขาอ่อนแรง ชา ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด เห็นภาพซ้อน
- ปวดศีรษะที่ไม่ได้เกิดจากโรคทางสมอง แต่ปวดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด หิว สายตาผิดปกติ อากาศร้อน ปวดไมเกรน อาการแบบนี้เรียกว่าไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แต่จะส่งผลให้เกิดความรำคาญและกระทบต่อคุณภาพชีวิต
ปวดศีรษะจากความเครียด (Tension Headache)
มักเกิดอาการปวดที่ขมับ หน้าผาก หรือท้ายทอย เป็นการปวดที่พบได้บ่อยที่สุด จะปวดต่อเนื่องเป็นวันจนถึงสัปดาห์ มักเป็นการปวดที่ไม่ร้ายแรง แต่ก่อให้เกิดความรำคาญ ขาดคุณภาพชีวิตที่ดี สาเหตุของการเกิด เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตามากเกินไป
การรักษา : รักษาด้วยการรับประทานยาเพื่อลดอาการปวด ทำจิตใจและกิจวัตรประจำวันที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นวดหรือทำกายภาพบำบัด
ปวดศีรษะไมเกรน (Migraine)
มักเกิดบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ขมับและขากรรไกร เป็นอาการปวดที่เกิดจากความเครียด ปวดพักๆ เป็นๆ หายๆ ข้างใดข้างหนึ่ง มักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย เมื่อเห็นแสงสว่างหรือแสงสีตามักจะพร่ามัว จะปวดนานได้ราว 2-3 ชั่วโมง และจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดอาการ เช่น การนอนที่มากเกินไป นอนไม่เป็นเวลา รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีสารกันบูด เนยแข็ง ช็อกโกแลต หรือเกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น ได้รับควันบุหรี่ กลิ่นน้ำหอม นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ฮอร์โมนเพศสูงในช่วงมีประจำเดือน เป็นต้น
การรักษา : ดูแลรักษาสุขภาพทั่วไป พักผ่อนให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรน เมื่อรู้ตัวว่ามีอาการควรรับประทานยาทันทีเพื่อลดอาการปวดและลดความถี่ในการเกิด
9 อาการปวดหัวที่อันตราย ให้รีบปรึกษาแพทย์
- มีอาการเจ็บป่วยร่วมกับการปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด
- มีอาการผิดปกติของระบบประสาท แขนขาอ่อนแรง การรับรู้ของระบบประสาทผิดเพี้ยนไป
- ปวดศีรษะหลังตื่นนอน
- ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน
- ปวดศีรษะครั้งแรกหลังอายุ 50 ปี ปวดหัวแบบผสม ปวดหัวแบบชุดๆ อาการปวดจะสัมพันธ์กับโรคอื่นด้วย
- ปวดศีรษะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
- เมื่อไอ จาม หรือเบ่ง มักจะปวดศีรษะ
- เมื่อเปลี่ยนอิริยาบถจะปวดศีรษะ
- ปวดศีรษะข้างเดียว และปวดด้านหลังศีรษะ
อาการปวดศีรษะนั้น ถึงแม้จะแสดงอาการปวดเพียงครั้งเดียว ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของระบบประสาทที่กำลังถูกทำลายลง ดังนั้นจึงควรเข้ารับการตรวจเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุและวินิฉัยโรคอย่างตรงจุด จะได้รีบรักษาอย่างทันท่วงที
พญ.รัชนี บุณยกาญจนากร
แพทย์ศูนย์สมองและระบบประสาท
ศูนย์สมองและระบบประสาท
โรงพยาบาลพญาไท 3