ปวดคอ เมื่อยหลัง หนักไหล่ คุณกำลังมีอาการแบบนี้อยู่ใช่ไหม? ก่อนที่จะหันไปโทษใคร ลองกลับมาเช็คพฤติกรรมตัวเองดูก่อน เพราะพฤติกรรมที่ผิดๆ นี่แหละคือตัวการร้ายที่ทำให้เกิดโรคตามมา แต่พฤติกรรมอะไรบ้างล่ะ ที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกคอเสื่อมได้โดยที่เราไม่รู้ตัว
“กระดูกคอเสื่อม” ไม่ใช่แค่โรคของผู้สูงอายุอีกต่อไป
อย่าเพิ่งชะล่าใจคิดว่าโรคกระดูกคอเสื่อมนี้จะเป็นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะในปัจจุบันคนในวัยทำงานอย่างเรานี่แหละก็กลายเป็นเป้าหมายหลัก เพราะปกติแล้วกระดูกสันหลังคอของเราจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เรียกว่ามากกว่า 600 ครั้งในแต่ละชั่วโมง นี่ยังไม่รวมที่ต้องทนต่อแรงกด แรงบิด แรงกระแทก และที่สำคัญคือแรงตึงเครียด ซึ่งเมื่อผ่านการใช้งานมากๆ ก็ไม่แปลกที่กระดูกคอจะเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ ยิ่งถ้าเรามีพฤติกรรมที่ไปกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงและทำร้ายกระดูกคอให้เสื่อมเร็วขึ้น ยิ่งหนักกันไปใหญ่ แต่พฤติกรรมที่ว่าเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง เราขอยกตัวอย่าง 5 พฤติกรรมของมนุษย์ออฟฟิศที่ไม่เคยรู้เลยว่านั่นกำลังทำร้ายกระดูกคออยู่
นั่งท่าเดียวนานๆ
การนั่งท่าเดียวนานๆ โดยไม่มีการลุกเดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถเป็นเวลานานหลายชั่วโมง นอกจากจะทำให้กระดูกคอไปกดทับเส้นประสาทแล้ว อาจทำให้เกิดหินปูนมาเกาะตามกระดูกคอได้ด้วย ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ กระดูกคอที่เสื่อมนี้อาจทรุดลงมากดทับไขสันหลัง ทำให้เกิดการปวดศีรษะ แขนชา หรืออ่อนแรงเพิ่มเข้าไปอีก
วางคอมพิวเตอร์ต่ำหรือสูงเกินระดับสายตา
ทำไมตำแหน่งการวางคอมพิวเตอร์ถึงสำคัญ? นั่นก็เพราะว่าถ้าเราวางคอมพิวเตอร์ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าระดับสายตา เวลาทำงานเราจะต้องงอแขน และก้มหน้า พอนั่งนานๆ ก็จะมีอาการเกร็งคอ ทำให้กระดูกคอทำงานหนัก และถ้าเราวางในตำแหน่งที่สูงกว่าระดับสายตา นั่นก็ทำให้เราต้องเงยคอมากจนเกินไป ซึ่งก็ส่งผลเสียต่อกระดูกคอเช่นกัน ดังนั้นท่าที่ดีที่สุดนั่นก็คือการวางในระดับสายตา ให้วางแขนสามารถได้ในตำแหน่งที่เหมาะสม และไม่ต้องก้มหรือเงยหน้านานๆ
ก้มหน้าแชทตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นบนรถไฟฟ้า ตามทางเดิน ร้านอาหาร หรือแม้แต่ในออฟฟิศ ภาพที่เราจะเห็นกันจนชินตานั่นก็คือ ทุกคนก้มแชทบนมือถือกันตลอดเวลา โดยไม่มีใครสนใจกับสิ่งรอบข้างกันเลยแม้แต่นิด แต่รู้มั๊ยว่าการก้มหน้าเป็นเวลานานจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอเมื่อยล้า เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อน และพฤติกรรมนี้ยังทำให้กระดูกต้นคอรับน้ำหนักมากกว่าปกติถึง 6 เท่า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กระดูกคอเสื่อมก่อนวัยอันควรเลยล่ะ
อิดออด…ไม่ออกกำลังกาย
เราเชื่อว่าหลายคนยกคำว่ายุ่งมาเป็นข้ออ้างในการไม่ออกกำลังกาย แต่เราจะบอกให้ว่าการออกกำลังกายนี่แหละ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ดี ช่วยลดโอกาสการเสื่อมของกระดูกคอให้เกิดขึ้นช้าลง เราอาจจะเริ่มจากการก้ม เงย เอียงคอ ซ้าย-ขวา หมุนคอ ใช้การออกแรงต้านโดยการดันคอ ก็ช่วยได้ดี เพราะด้วยนิสัยแล้วเวลาที่เราปวดคอ ส่วนใหญ่แล้วเราก็จะพยายามหลีกเลี่ยงการขยับเขยื้อนในส่วนนั้น ซึ่งพอทิ้งไว้นานๆ ไม่ใช้งาน ก็จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อขี้เกียจ และอ่อนแรงได้
การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อน และพฤติกรรมนี้ยังทำให้กระดูกต้นคอรับน้ำหนักมากกว่าปกติถึง 6 เท่า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กระดูกคอเสื่อมก่อนวัยอันควรเลยล่ะ
ปรับพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าต้องเอาเงินเดือนที่หามาเกือบทั้งชีวิตไปเสียให้กับการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมที่เกิดจากพฤติกรรมแย่ๆ ที่ความจริงแล้วป้องกันได้ของตัวเอง
