กินอาหารไม่เป็นเวลา แถมยังเครียดเพราะงานอยู่บ่อยๆ ไม่เพียงแค่ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อนได้เท่านั้น แต่ยังเสี่ยงเป็น “ลำไส้แปรปรวน” โรคยอดฮิตที่วัยทำงานควรระวังไว้ ก่อนต้องทรมานกับอาการปวดท้องเรื้อรัง!!!
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคลำไส้แปรปรวน
- พฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกต้อง เช่น กินอาหารไม่ตรงเวลา กินแต่เนื้อสัตว์..ไม่กินผัก ไม่กินอาหารเช้า หรือดื่มน้ำน้อย
- มีภาวะเครียดจัด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคนี้
- ไม่ออกกำลังกาย และพักผ่อนไม่เพียงพอ
- คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร
ปวดท้องแบบนี้…นี่แหละ! อาจเป็นโรคลำไส้แปรปรวน
ผู้ป่วยมักมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยข้างซ้ายหรือข้างขวา ร่วมกับอาการท้องผูกหรือท้องเสีย โดยอาการท้องผูกจะมีอาการแน่นท้องร่วมด้วย..เมื่อถ่ายแล้วอาการแน่นท้องก็จะดีขึ้น และที่สำคัญ!! ผู้ป่วยต้องไม่มีอาการที่อันตรายร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด น้ำหนักลด หรือคลื่นไส้อาเจียน
แค่เปลี่ยนพฤติกรรมก็ลดเสี่ยงลำไส้แปรปรวนได้
- กิน..ให้เป็น! คือ กินอาหารเช้า กินให้ตรงเวลา กินอาหารที่มีกากใย และกินในปริมาณที่พอดี ควบคู่กับการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- คิด..ให้เป็น! คือ คิดบวก มองโลกในแง่ดี ตลอดจน “ไม่เครียด” หากตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคนี้ เพราะยิ่งเครียดยิ่งทำให้อาการเรื้อรัง
- ขยับ..ให้เป็น! คือ จัดสรรเวลาสำหรับออกกำลังกาย เพื่อลดความเครียดและสร้างภูมิคุ้มกัน
- ถ่าย..ให้เป็น! คือ ไม่อั้นถ่ายเมื่อรู้สึกปวด เพราะอาการปวดอุจจาระจะอยู่กับเราเพียงแค่ประมาณ 2 นาทีแล้วหายไปสักพัก หากอั้นถ่ายบ่อยๆ จะส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกได้
แม้ว่าโรคลำไส้แปรปรวนจะไม่รุนแรง แต่อาการปวดท้องก็สร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยไม่น้อย แถมยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แล้วแบบนี้จะรออะไร? มาเปลี่ยนตัวเองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกันดีกว่า