โรคกระเพาะอาหาร เกิดจากอะไรกันแน่?

โรคกระเพาะอาหาร เกิดจากอะไรกันแน่?

ความรู้สึกเมื่อนึกถึงโรคกระเพาะอาหาร คืออาการปวดแสบ เสียด จุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ทั้งเวลาก่อนรับประทานอาหารและหลังรับประทานอาหาร คนโดยทั่วไปจึงมักสรุปกันเองว่าถ้ามีอาการ “หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด” เป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอย่างแน่นอน

 

สำหรับโรคแผลกระเพาะอาหารหรือที่คนโดยทั่วมักเรียกกันว่าโรคกระเพาะอาหารนั้น หมายถึงแผลที่เกิดในเยื่อบุกระเพาะอาหารที่สัมผัสกับน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร ผู้ที่มีอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหารมีที่มาจากกรดในกระเพาะอาหารมาก ซึ่งทำให้ระคายเคืองจนส่งผลเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหาร และในหลายกรณีไม่ได้ปวดตลอดเวลา จะมีการเป็นๆ หายๆ ก่อนและหลังเวลาอาหาร อาการปวดท้องจะทุเลาหากได้รับประทานอาหาร

 

ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง เพราะหากละเลยอาการจนในที่สุดจากอาการปวดท้องเพราะกรดในกระเพาะอาหาร อาจมีภาวะแทรกซ้อนเลือดออกในกระเพาะอาหาร กระเพาะลำไส้เป็นแผลทะลุ เป็นต้น

 

ที่มาหรือสาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร

สาเหตุหลักของโรคกระเพาะอาหาร เกิดจากการเสียสมดุลของกรดที่หลั่งออกมา ไปทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งเยื่อบุกระเพาะอาหารมีความต้านทานกรดได้ไม่ดี ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคที่พบมากในปัจจุบัน คือ การใช้ชีวิต ความเครียด ความกังวล ที่พบได้บ่อยในสังคมการทำงาน รวมถึงวิถีชีวิตในด้านการรับประทานอาหารที่ไม่ดีและการละเลยสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การอดอาหาร การรับประทานอาหารรสจัดเป็นประจำ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานยาแก้ปวดจำพวก Aspirin ยาลดการอักเสบเป็นประจำ

 

และอีกหนึ่งสาเหตุของโรคที่สำคัญ คือ การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือเรียกย่อๆ ว่า เอช.ไพโลไร (Helicobacter pylori หรือย่อว่า H.pylori) มีการถ่ายทอดจากคนสู่คน จากการรับประทานอาหาร เชื้อจะเข้าสู่กระเพาะอาหารและเลื่อนเข้าสู่เซลล์เยื่อบุผิว ซึ่งเชื้อนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

 

อาการของโรคกระเพาะอาหาร

อาการของโรคจะมีอาการปวดท้องเป็นๆ หายๆ เรื้อรังบริเวณใต้ลิ้นปี่ เวลาปวดมักจะสัมพันธ์กับมื้ออาหาร เช่น ก่อนหรือหลังอาหาร จะมีอาการปวดแสบ จุกแน่น อาจมีอาการคลื่นไส้ เรอเปรี้ยว กรณีที่มีแผลบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้นมักมีอาการปวดท้อง หลังอาหารประมาณ 1-3 ชั่วโมง หรือขณะท้องว่าง จะปวดมากขึ้นในช่วงบ่าย เย็น ตอนดึก อาการจะดีขึ้นทันทีหลังรับประทานอาหาร ดื่มนม รับประทานยาลดกรด

 

การตรวจวินิจฉัยโรคกระเพาะอาหาร

แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกาย และบางรายอาจส่งตรวจเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น และทำการตรวจหาเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร

 

การรักษาและการดูแลตนเองของผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร

ส่วนใหญ่แล้ว การรักษาจะเป็นการรับประทานยา ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ได้แก่

  • รับประทานยาต่อเนื่องตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด
  • รับประทานอาหารให้ตรงเวลาทุกมื้อ
  • รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
  • รับประทานอาหารในปริมาณที่ไม่มากเกินไป
  • งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ชา กาแฟหรือเครื่องดื่มกาเฟอีน น้ำอัดลม
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของหมักดอง
  • ทุกครั้งที่รับประทานอาหารควรเคี้ยวให้ละเอียด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์ และปรึกษาแพทย์ทุกครั้งที่ใช้ยา
  • หลีกเลี่ยงความเครียด ความกังวล พักผ่อนให้เพียงพอ

นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

ไขมันพอกตับ…อีกภัยเงียบของคนอ้วนที่ไม่ดูแลตัวเอง

พญาไท 3

ไขมันพอกตับ นอกจากจะเป็นภัยเงียบของคนที่เป็นโรคอ้วนแล้ว ยังเป็นภาวะที่นำไปสู่โรคตับแข็งได้อีก และที่น่ากลัวคือคนธรรมดาที่ไม่ได้ดื่มเหล้า ก็มีโอกาสเป็นโรคไขมันพอกตับได้ถ้าดูแลตัวเองไม่ดี

กำจัดนิ่วในท่อน้ำดีด้วย ERCP  วิธีส่องกล้องที่ช่วยคุณได้

พญาไท 3

สำหรับการอุดตันของท่อน้ำดีนั้น สามารถอุดตันในระบบน้ำดีตำแหน่งใดก็ได้ ซึ่งการอุดตันมักพบว่าเกิดจากก้อนนิ่วและก้อนเนื้องอก

ลำไส้แปรปรวน...โรคยอดฮิตชีวิตคนทำงาน

พญาไท 3

ปวดท้องน้อยข้างซ้ายหรือข้างขวาร่วมกับมีอาการท้องผูกหรือท้องเสีย อาจเพราะเป็นโรคสำไส้แปรปรวน แม้อาการปวดจะไม่รุนแรงแต่หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจเป็นปัญหาใหญ่ต่อสุขภาพในอนาคต

ท้องอืด ท้องเฟ้อบ่อย อาหารไม่ย่อย...เขาเรียกว่าโรคดิสเปปเซียนะ

พญาไท 3

ท้องอืด แน่นท้อง ท้องเฟ้อบ่อย รู้สึกไม่สบายท้องด้านบนส่วนกลางหรือแถวลิ้นปี่ นอกจากจะเป็นอาการของอาหารไม่ย่อย หรืออาจเกิดจากท้องผูกแล้ว อาจเป็นอาการของโรคดีสเปปเซีย (Dyspepsia) ที่ควรตรวจหาสาเหตุ