“การผ่าตัดถุงน้ำดีผ่านกล้องทางช่องคลอดแบบไร้แผล ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาก เพราะผู้ป่วยแทบไม่มีอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัดเลย ทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต เนื่องจากไม่สร้างรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด สาเหตุที่เน้นการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ในผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงมักกังวลกับรอยแผลเป็น”
ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะภายในร่างกายของเราจะอยู่ส่วนล่างของตับทำหน้าที่เหมือนอ่างเก็บน้ำ คอยเก็บกักและปล่อยน้ำดีออกมา หากมีอาหารลงมาอยู่ที่ทางเดินอาหาร ถุงน้ำดีก็จะขับน้ำดีมาผสมปนเปกับอาหารที่เรารับประทานเข้าไปช่วยให้ไขมันแตกตัว การย่อยและการดูดซึมสารอาหารทำได้ดีมากยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นความสำคัญของถุงน้ำดี ถ้าอวัยวะส่วนนี้เกิดความผิดปกติจากนิ่วส่วนใหญ่ แพทย์ก็จะใช้วิธีการผ่าตัดในการรักษา ซึ่งบางคนอาจจะรู้สึกว่าการผ่าตัดถุงน้ำดีเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้เราจะขอนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับการผ่าตัดถุงน้ำดีผ่านกล้องทางช่องคลอดแบบไร้แผล ซึ่งคุณจะได้พบวิธีที่ผ่าตัดที่จะทำให้การผ่าตัดเป็นเรื่องเบาๆ ไปเลย
ชนิดของนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่
- ชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล (cholesterol stones) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยประมาณ 80% ของนิ่วในถุงน้ำดีทั้งหมด มีลักษณะเป็นก้อนสีขาว เหลือง หรือเขียว เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้นในน้ำดี หรือการบีบตัวของกล้ามเนื้อในถุงน้ำดีมีสมรรถภาพไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถบีบสารออกได้หมด
- ชนิดที่เกิดจากเม็ดสีหรือบิลิรูบิน (Pigment stones) ก้อนนิ่วชนิดนี้มีขนาดเล็กกว่าและมีสีคล้ำกว่าชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล มักพบในผู้ป่วยโรคตับแข็งหรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเลือด เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางจากการขาดเอนไซม์ G6PD
ปัจจัยเสี่ยงของนิ่วในถุงน้ำดี
- พันธุกรรม ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะมีความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้มากขึ้
- ภาวะอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลมาก เนื่องจากความอ้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มขึ้น
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนและการตั้งครรภ์ มีผลเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลและลดการเคลื่อนตัวของถุงน้ำดี ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทนจึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้
- เพศและอายุ โรคนิ่วในถุงน้ำดีพบมากในเพศหญิงและผู้สูงอายุ
- โรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีระดับของไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยในผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้
- การลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ตับหลั่งคอเลสเตอรอลออกมามากขึ้น รวมถึงถุงน้ำดีจะบีบตัวลดน้อยลง น้ำดีจึงค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น โอกาสเกิดการตกตะกอนก็มากขึ้น
- อาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูงและเส้นใยต่ำ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้
อาการของนิ่วในถุงน้ำดี
โดยทั่วไปแล้วนิ่วในถุงน้ำดีไม่ก่อให้เกิดอาการ ผู้ป่วยมักจะทราบว่าเป็นโรคก็เมื่อมาตรวจสุขภาพหรือพบแพทย์ด้วยปัญหาสุขภาพอื่น แต่เมื่อมีอาการเกิดขึ้น อาการที่อาจพบได้ ได้แก่
- ปวดท้องอย่างรุนแรงโดยเฉพาะบริเวณช่วงท้องส่วนบนหรือด้านขวา โดยมีระยะเวลาปวดตั้งแต่ 15 นาทีถึงหลายชั่วโมง และอาจมีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณกระดูกสะบักหรือบริเวณไหล่ด้านขวา
- อาเจียน
- คลื่นไส้
- อาการทางระบบทางเดินอาหารอื่นๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แสบร้อนที่ยอดอก มีลมในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่หลังรับประทานอาหารมัน
- หากมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะทำให้มีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงขวา และอาจมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้มได้
- พบว่านิ่วในถุงน้ำดีเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- อายุเกิน 40 ปี
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอ้วน เบาหวานและโรคเลือด
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีผ่านกล้องแบบไร้แผล ต่างจากการผ่าตัดแบบอื่นอย่างไร?
- ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีผ่านกล้องแบบไร้แผล
- ผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบพร้อมใส่ท่อช่วยหายใจ
- เจาะรูขนาด 5 มม. ที่สะดือเพื่อใส่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในท้อง จากนั้นสอดกล้องขนาดเส้นผ่าศูน์กลาง 1 ซม. และเครื่องมือขนาดเล็กผ่านทางช่องคลอดเข้าสู่บริเวณช่องท้อง เพื่อตัดเลาะถุงน้ำดี และดึงออกทางช่องคลอด และเย็บแผลภายในช่องคลอดที่มีขนาดเพียง 1 ซม. ด้วยไหมละลาย ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 30 นาที – 1 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยแทบจะไม่เสียเลือดเลย
- หลังผ่าตัดผู้ป่วยพักฟื้นที่รพ.เพียง 1 คืนก็สามารถกลับบ้านได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น
- ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีผ่านกล้อง
- เจาะรูขนาดเล็ก ขนาด 0.5-1 ซม. 3-4 รูที่หน้าท้อง
- ใช้กล้องส่องเข้าไปในช่องท้องพร้อมสอดเครื่องมือเพื่อตัดถุงน้ำดีออกมา
- พักฟื้นที่รพ. 2-3 วัน
- มีอาการเจ็บแผลผ่าตัดมากในวันแรกๆ ซึ่งต้องให้ยาระงับแบบฉีด และมีแผลเป็นบนหน้าท้องค่อนข้างชัดเจน
- ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีแบบเปิด
- เปิดแผลใต้ชายโครงขวาประมาณ 15 ซม.
- ผู้ป่วยเจ็บปวดมาก และต้องพักฟื้นที่รพ. ราว 1 สัปดาห์
- มีแผลเป็นที่ชายโครงขวาอย่างชัดเจน