นิ่วในถุงน้ำดี...ผ่าออกได้ ไม่ต้องทนปวดท้องไปตลอดชีวิต

พญาไท นวมินทร์

1 นาที

พฤ. 07/05/2020

แชร์


Loading...
นิ่วในถุงน้ำดี...ผ่าออกได้ ไม่ต้องทนปวดท้องไปตลอดชีวิต
ใครที่เห็นผู้ใหญ่ในบ้านชอบบ่นปวดท้องอยู่บ่อยๆ ซื้อยามากินก็ดีขึ้นหน่อย แต่อีกซักพักก็กลับไปเป็นใหม่ ให้รีบพาไปตรวจเลย เพราะนั่นอาจไม่ใช่การปวดท้องธรรมดา แต่คือสัญญาณเตือนของโรคนิ่วในถุงน้ำดีก็ได้

อาการแบบไหน…ที่อาจจะใช่นิ่วในถุงน้ำดี

นพ. สุจินต์ สุขะหุต ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ให้ข้อสังเกตไว้ว่า “วิธีสังเกตอาการที่ชัดเจน คือจะมีอาการปวดท้องเป็นพักๆ มีอาการจุก เป็นๆ หายๆ ปวดบริเวณลิ้นปี่ บริเวณยอดอก หรือบางรายก็ร้าวไปถึงหลัง” โดยผู้ป่วยเพียงแค่ 50% ของโรคนี้ จะมีอาการ อีกอย่างที่สังเกตได้คือถึงอาการปวดจะคล้ายกับโรคกระเพาะ แต่พอกินยาแล้วเหมือนจะดีขึ้น แต่ซักพักก็เป็นใหม่ จุดนี้คุณหมอจะแนะนำให้ทำอัลตร้าซาวน์เพื่อหาโรคอื่นเพิ่มเติม “ต้องดูเรื่องของตับ ลำไส้ ซึ่งก็มีโอกาสเจอนิ่วในถุงน้ำดีได้”

ใคร…ที่มีความเสี่ยงสูง

ความจริงแล้ว คุณหมอบอกว่าโรคนิ่วในถุงน้ำดีมีโอกาสที่จะเจอในผู้หญิงที่รูปร่างค่อนข้างท้วมมากกว่าคนอื่น “เพราะในผู้หญิงจะมีการสะสมของไขมัน พวกคอเลสเตอรอล ที่เป็นส่วนประกอบของน้ำดีเยอะ และคนไข้สูงอายุที่มีโรคไขมันในเลือดสูง ก็มีโอกาสที่จะเจอนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน”

เจอแล้วอย่าทนปวด ให้รีบผ่า

ในเคสของผู้สูงอายุ คุณหมอแนะนำว่าควรที่จะทำการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีออกเลย เพื่อให้หายขาด แต่ถ้าในเคสที่คนไข้ยังไม่พร้อม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือภาระหน้าที่ ก็สามารถรักษาตามอาการโดยให้ยาลดกรด ยาช่วยย่อยได้

ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี เดี๋ยวนี้แผลเล็กนิดเดียว

คุณหมอเล่าถึงนวัตกรรมการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีว่า “ปัจจุบันเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง โดยจะเจาะเป็นแผลขนาดแค่ 1-2 เซ็นติเมตร บริเวณสะดือ ยอดอก ลิ้นปี่ ชายโครงล่าง ประมาณ 3-4 ช่อง เพื่อเอาไว้ใส่อุปกรณ์เข้าไปในช่องท้อง เพื่อดึงถุงน้ำดีออกมา” ซึ่งนวัตกรรมนี้จะส่งผลดีกับผู้ป่วยในหลายๆ ด้าน ทั้งขนาดแผลที่เล็กลง ความเจ็บที่น้อยกว่าแบบเดิม ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว ไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานๆ

ไม่ต้องกังวล…กับชีวิตที่ไม่มีถุงน้ำดี

สำหรับใครที่เป็นกังวลว่าถ้าร่างกายไม่มีถุงน้ำดีแล้ว จะมีผลกระทบอะไรกับร่างกายมั๊ย คุณหมอบอกว่า “ในช่วงแรกถ้าไม่มีถุงน้ำดี ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องท้องเสียบ้าง เพราะน้ำดีที่สร้างจากตับจะลงมาที่ลำไส้เลย ความเข้มข้นของน้ำดีก็จะลดลง แต่ภายใน 2-3 เดือนคนไข้ก็จะปรับตัวและกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป”

 

นพ. สุจินต์ สุขะหุต
ศัลยแพทย์ทั่วไป
ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...