เมื่อถูกสุนัขกัด ควรทำอย่างไร?
เมื่อถูกสุนัขจรจัดกัด หรือสุนัขที่ไม่มีเจ้าของกัด เราควรปฐมพยาบาลหรือล้างแผลอย่างไรดี แล้วกรณีไหนบ้างที่ต้องฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า
-
กรณีถูกสุนัขกัดโดยไม่มีแผลหรือรอยถลอก แต่สัมผัสน้ำลายหรือเลือดของสุนัข
-
- ให้ล้างบริเวณที่สัมผัสน้ำลายหรือเลือดของสุนัขให้สะอาด
- ไม่ต้องฉีดวัคซีน และให้สังเกตอาการของสุนัขอย่างน้อย 10 วัน ถ้าสุนัขมีอาการเปลี่ยนแปลงและสงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน
-
กรณีถูกสุนัขกัดเป็นรอยช้ำที่ผิวหนังไม่มีเลือดออกหรือเลือดออกซิบๆ หรือถูกข่วนที่ผิวหนังเป็นรอยถลอก ไม่มีเลือดออกหรือเลือดออกซิบๆ
-
- ให้ล้างบาดแผลด้วยน้ำและสบู่โดยฟอกหลายๆ ครั้ง ล้างสบู่ออกให้หมด และรักษาบาดแผล
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (rabies vaccine)
-
กรณีถูกสุนัขกัดโดยฟันของสุนัขแทงทะลุผ่านผิวหนังแผลเดียวหรือหลายแผล และมีเลือดออก หรือถูกข่วนจนผิวหนังขาดและมีเลือดออก
- รีบล้างบาดแผลด้วยน้ำสบู่โดยฟอกหลายๆ ครั้ง พยายามล้างให้เข้าถึงรอยลึกของแผล อย่างน้อย 15 นาที ล้างสบู่ออกให้หมด ระวังอย่าให้บาดแผลช้ำ ห้ามทาครีมใดๆ
- ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น 70% แอลกอฮอล์ โพวิดีน-ไอโอดีน
- ฉีดวัคซีนและอิมมูโนโกลบุลิน (rabies vaccine และ RIG) โดยเร็วที่สุด
- ควรกักขังและเฝ้าดูอาการของสุนัขอย่างน้อย 10 วัน หากสุนัขตายต้องรีบไปพบแพทย์อีกครั้ง
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
- การฉีดวัคซีน : จะต้องฉีดให้ครบ 1 ชุด ซึ่งมีทั้งหมด 5 เข็ม ใช้เวลาในการฉีดประมาณ 1 เดือน โดยฉีดวัคซีนในวันแรกที่ถูกสุนัขกัด และในวันที่ 3, 7, 14 และ 30 หลังสุนัขกัดตามลำดับ ซึ่งการฉีดวัคซีนจะแตกต่างกันไประหว่างผู้ที่ไม่ถูกสุนัขกัด กับผู้ที่ถูกสุนัขกัด แล้วแต่กรณี