ความเหี่ยวย่น และริ้วรอยของความชรา มักถามหาเราอยู่เสมอ ทั้งนี้ ก็เนื่องมาจากอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ collagen ในผิวหนังของเรามีการลดจำนวนลง จึงทำให้ผิวหนังมีริ้วรอยเกิดการหย่อนคล้อยมีร่องลึกเกิดขึ้น ซึ่ง นอกเหนือไปจากการทาครีมหรือยาเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยแล้ว ปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น laser หรือ RF ที่ใช้เพื่อกระตุ้นให้ผิวหนังมีการสร้าง collagen เพิ่มขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่ว่า การที่จะให้ร่างกายสร้าง collagen ขึ้นมาเอง อาจไม่สามารถทำให้สร้างได้เป็นจำนวนมาก จึงทำให้อาจไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาริ้วรอยหนักได้ อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งกลุ้มอกกลุ้มใจไป เพราะมีทางออกที่จะมาช่วยแก้ไขข้อจำกัดนี้ได้ นั่น ก็คือ การฉีดสารเติมเต็มซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “Filler”
ฟิลเลอร์ คือ อะไร?
พญ.พรภุชงค์ เลาห์เกริกเกียรติแพทย์หัวหน้าศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้อธิบายถึงความหมายของ “Filler” ว่า คือ “สารเติมเต็มเพื่อทดแทน collagen ในผิว” โดยที่เรามีจุดประสงค์ในการฉีด Filler คือ
- ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอย เช่น รอยย่นระหว่างคิ้ว, รอยย่นที่หางตา หรือ ร่องลึก เช่น ร่องแก้มทำให้ผิวเนียนเรียบ รวมทั้งรอยย่นรอบปาก
- ใช้ฉีดเพื่อเติมรอยแผลเป็นที่เป็นรอยบุ๋มให้เต็มขึ้น เช่นรอยหลุมสิว
- ใช้ฉีดเพื่อเสริมหรือเพิ่มขนาด เช่น การเสริมจมูก การฉีดปาก การฉีดคาง การฉีดเสริมหน้าอก รวมทั้งสะโพกก็สามารถทำได้
ฟิลเลอร์ มี กี่แบบ อะไรบ้าง?
สารเติมเต็มหรือ Filler มีหลายประเภท โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท หลักๆ ได้แก่
- Filler แบบไม่ถาวร
- Filler กึ่งถาวร
- Filler ถาวร ซึ่งรวมไปถึง Filler ที่มาจากส่วนประกอบจากร่างกาย เช่น ไขมัน ด้วย
Filler แบบไม่ถาวร
สมัยก่อนจะนิยมเป็นการฉีด collagen ซึ่งสังเคราะห์มาจากสัตว์ เช่น วัว, หมู แต่มีข้อจำกัด เนื่องจากมีโอกาสแพ้ได้ง่าย ต้องมีการทดสอบก่อนการฉีดว่าจะมีการแพ้หรือไม่ สลายตัวได้เร็ว ปัจจุบันนี้นิยมสารที่ชื่อว่า hyaluronic acid หรือ HA เป็นสารสังเคราะห์จากน้ำตาล มีความคงตัวสูงไม่ก่อให้เกิดการแพ้จึงไม่ต้องทดสอบการแพ้ก่อนฉีด มีความปลอดภัย มีคุณสมบัติอุ้มน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยเพิ่มสารอาหารให้กับผิว ทำให้ผิวมีสุขภาพดี เห็นผลทันทีหลังฉีด สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติหรือถ้ามีปัญหาหลังการฉีด เช่น เป็นตุ่มนูนหรือมีการฉีดมากเกินไปต้องการสลายก็มีสารที่เรียกว่า Hyaluronidase ซึ่งฉีดสลายตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้ อายุของสารที่ HA จะอยู่ได้ 6 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งบางยี่ห้อผ่าน อย.ในประเทศไทยแล้วเช่น restylane , Juvederm เป็นต้น
Filler แบบกึ่งถาวร
เป็นกลุ่มที่เป็นสารกลุ่ม polyacrylamide อยู่ในผิวได้ประมาณ 3-5 ปี ในกลุ่มนี้ยังไม่ผ่าน อย.ในเมืองไทย ถ้าเกิดปัญหาก็ไม่มียาฉีดสลายได้ต้องรอระยะเวลาหรืออาจต้องมีการเปิดผิวหนังทำการเลาะออก
Filler แบบกลุ่มถาวร
เป็นสารประเภท silicone เหลวที่ไม่สามารถเสื่อมสลายได้ ถ้าทิ้งไว้นานร่างกายอาจจะมีปฎิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอม เกิดการอักเสบเป็นก้อนแข็ง หรือมีการห้อยย้อยลงมาได้ การแก้ไขก็ต้องทำการเปิดผิวหนังเลาะก้อนออก
Filler แบบที่มาจากไขมันตัวเอง
เป็นการเติมด้วยไขมันที่มาจากตัวเราเองเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ แต่มีข้อเสียว่าไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจจะไม่สามารถอยู่หรือคงตัวอยู่ได้นาน ต้องมีการเจาะดูดมาจากบริเวณอื่นของร่างกาย อาจมีปัญหาของแผลบริเวณที่เอาไขมันออกมา
ควรทำอย่างไร ก่อนตัดสินใจฉีด Filler
พญ.พรภุชงค์ เลาห์เกริกเกียรติแพทย์หัวหน้าศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้แนะนำถึงการพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีด Filler ว่า ควรมีประเด็นในการพิจารณา ดังนี้
- การพิจารณาจะฉีดสารเติมเต็มควรคำนึงถึงความปลอดภัยของสารที่จะฉีด
- ควรฉีดในสถานบริการที่ได้มาตรฐาน
- ไม่ควรไปฉีดกับบุคคลที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นแพทย์หรือไม่
- อย่าดูแต่ราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียวเพราะถ้าเกิดผลข้างเคียงจะแก้ไขลำบาก รวมทั้งอาจเกิดอันตรายจากสารที่ฉีดได้
ข้อแนะนำในการฉีด Filler
ปัจจุบันสารที่นิยมฉีดคือ hyaluronic acid เนื่องจากมีความปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง รวมทั้งมีการแก้ไขได้ ในส่วนฉีดของการฉีด HA ในแต่ละตำแหน่งจะใช้ HA ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น ถ้าจะฉีดบริเวณริ้วรอยตื้นก็จะใช้ HA ที่มีโมเลกุลเล็ก มีการกระจายตัวได้ดี แต่สลายตัวได้เร็ว ในขณะที่การฉีดร่องแก้มเสริมจมูกหรือคางควรใช้ HA ที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่มีความหนืดความหนาแน่นของสารมากกว่าจึงมีความคงตัวอยู่ได้นาน
เตรียมตัวอย่างไร ก่อนไปฉีด Filler
- ก่อนฉีดควรหยุดยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น aspirin ,ยากลุ่มป้องกันการแข็งตัวของเลือด, vitamin E ก่อนฉีด 3-7 วัน
- ก่อนการฉีดจะมีการทายาชาทิ้งไว้ 30 นาทีก่อนฉีด แต่บางยี่ห้อมียาชาผสมอยู่สามารถฉีดได้ทันที
- หลังการฉีดอาจจะมีรอยบวมช้ำได้บ้าง ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้สาร HA มีการดูดน้ำเข้าไป
- หลังการฉีดอาจคลำเป็นก้อนไตแข็งสามารถนวดเพื่อให้ยากระจายตัวได้ดี หลังฉีดงดทำ treatment หน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
พญ.พรภุชงค์ เลาห์เกริกเกียรติ
แพทย์หัวหน้าศูนย์ผิวหนังและความงาม
โรงพยาบาลพญาไท 3