โรคฉี่หนู หรือเลปโตสไปโรซิส Leptospirosis

โรคฉี่หนู หรือเลปโตสไปโรซิส Leptospirosis


เตือน “หนูออฟฟิต” เสี่ยงโรคฉี่หนูเช่นกัน  ไม่แค่เดินย่ำน้ำ อาหาร-น้ำดื่ม-การหายใจ … มีโอกาสติดเชื้อได้

 

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า “โรคฉี่หนู” หรือ เลปโตสไปโรซิส พบได้เฉพาะในท้องทุ่งนาหรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง “หนู” ที่อาศัยตามอาคารบ้านเรือน สำนักงานต่างๆ เป็นพาหะของโรคเช่นเดียวกัน

 

โรคฉี่หนู (Leptospirosis) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นชื่อว่า เลปโตสไปร่า (Leptospira) ที่อยู่ในไตและกระเพาะปัสสาวะของสัตว์นำโรค เช่น หนู โค กระบือ สุกร สุนัข แพะ แกะ โดยมีหนูเป็นสัตว์แพร่โรคที่สำคัญ เนื่องจากเชื้อชนิดนี้จะถูกขับออกมากับฉี่หนูและปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมในน้ำหรือที่ชื้นแฉะทำให้เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยถลอก ผิวหนังที่แช่อยู่ในน้ำนานๆ รวมถึงการหายใจเอาละอองน้ำที่มีเชื้อโรคเข้าไป นอกจากนี้ยังติดต่อได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ

 

อาการของโรคที่สำคัญของโรคฉี่หนู

 

อาการทางคลินิกของโรคแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ได้ 2 กลุ่ม คือ

 

  1. กลุ่มที่ไม่มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง
    กลุ่มนี้อาการไม่รุนแรงหลังจากได้รับเชื้อ 10-26 วัน โดยเฉลี่ย 10 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะทันที ไข้สูง 38 -40oC เยื่อบุตาแดง ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณน่อง โคนขา กล้ามเนื้อหลังและมีอาการกดเจ็บกล้ามเนื้อ การตรวจร่างกายในระยะนี้ที่สำคัญจะตรวจพบผู้ป่วยตาแดง มีขี้ตาหรือมีน้ำตาไหล คอแดง มีจ้ำเลือดตามผิวหนัง บางรายมีผื่นตามตัว ระยะนี้ถ้าเจาะเลือดจะพบภูมิต่อเชื้อเพิ่ม ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ขึ้นใหม่ ปวดศีรษะ คอแข็ง มีการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง และมีเชื้อออกมาในปัสสาวะ
  2. กลุ่มที่มีอาการเหลือง หรืออาการรุนแรง
    กลุ่มนี้ไข้จะไม่หาย แต่จะเป็นมากขึ้นโดยพบอาการเหลือง และไตวาย มีผื่นที่เพดานปาก มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ตับ และไตวาย ดีซ่าน เยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ อาจจะมีอาการไอเป็นเลือด อาการเหลืองจะเกิดวันที่ 4 ของโรค ผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตในระยะนี้หรือในต้นสัปดาห์ที่ 3 จากไตวายการรักษาต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง รวดเร็ว และรับการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยที่เสียชีวิตเกิดจากมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ไอเป็นเลือดที่รุนแรง การหายใจล้มเหลว หรือไตวาย เป็นต้น

 

การควบคุมและกำจัดแหล่งรังโรค

 

  1. หมั่นล้างมือภายหลังจับต้องเนื้อ ซากสัตว์ และสัตว์ทุกชนิด
  2. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขังด้วยเท้าเปล่า ควรสวมรองเท้าบู๊ทเพื่อป้องกัน
  3. หลังเสร็จภารกิจที่ต้องสัมผัสน้ำหรือที่ชื้นแฉะแล้ว ควรรีบอาบน้ำชำระร่างกาย หรือล้างมือ ล้างเท้า ให้สะอาดทันที
  4. กำจัดหนู ซึ่งเป็นพาหะนำโรค
  5. ปรับปรุงสุขาภิบาลที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมให้สะอาด
  6. ปิดฝาถังขยะ และหมั่นกำจัดขยะโดยเฉพาะเศษอาหาร ไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู
  7. พื้นคอกของสัตว์เลี้ยง ควรเป็นพื้นชีเมนต์ ผิวเรียบ ดูแลให้แห้งอยู่เสมอ ไม่ให้มีน้ำหรือปัสสาวะสัตว์ขังอยู่
  8. เมื่อสัตว์เลี้ยงป่วย ต้องแจ้งให้สัตวแพทย์รักษาโดยเร็ว

 

เมื่อป่วยหรือมีอาการน่าสงสัย ควรรีบพบแพทย์ เพื่อจะได้รับการตรวจรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อท่านจะได้ปลอดภัยจากโรค


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...