เพราะมะเร็งปากมดลูกคือสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของหญิงไทย ซึ่งมีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human papilloma virus infection) นั่นคือเหตุผลที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้จักไวรัสร้ายตัวนี้กันแบบเจาะลึกเพื่อหาทางป้องกัน พญ.เนตร บุญคุ้ม สูตินรีแพทย์ จากศูนย์สุขภาพหญิง โรงพยาบาลพญาไท 3 อธิบายว่า…
HPV มีหลายสายพันธุ์…แบ่งได้ 2 กลุ่มหลัก
เช่นเดียวกับไวรัสอีกหลายชนิด ที่มีทั้งชนิดที่ไม่รุนแรงไปจนถึงชนิดที่มีอันตรายถึงชีวิต…ไวรัส HPV ก็เช่นเดียวกัน แต่สายพันธุ์ไหนล่ะที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก
- กลุ่มสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรง สำหรับผู้ที่รับเชื้อเอชพีวีในกลุ่มนี้บางรายอาจไม่มีอาการแสดงและเชื้อสามารถหายไปเองได้ในอนาคต แต่ในบางรายจะส่งผลให้เกิดเป็นหูดหงอนไก่ และถ้าไม่รับการรักษาหูดที่เกิดขึ้นอาจจะลุกลามได้ ซึ่งจะเป็นลักษณะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ไม่เป็นอันตรายกับชีวิต
- กลุ่มสายพันธุ์ที่รุนแรง เชื้อไวรัสเอชพีวีในกลุ่มนี้มีโอกาสก่อให้เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ เช่น สายพันธ์ 16 และ 18
คู่รักเพศเดียวกัน ก็เสี่ยงติด HPV ได้นะ
การมีเพศสัมพันธ์นั้นไม่จำกัดว่าจะเป็นชายกับหญิงเท่านั้น เพราะคู่รักเพศเดียวกันไม่ว่าจะหญิงกับหญิง หรือชายกับชายก็สามารถติดเชื้อไวรัส HPV นี้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งคุณหมอเนตร อธิบายเพิ่มเติมว่า “เพราะการติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้แม้ผ่านทางมือที่สัมผัสเชื้อจากอวัยวะเพศและไปสัมผัสผิวหนังหรืออวัยวะเพศของผู้อื่น จึงเรียกได้ว่าเชื้อไวรัส HPV นั้นสามารถเกิดขึ้นกับทั้งเพศชายและเพศหญิง จะแตกต่างที่กรณีของเพศหญิงหากได้รับเชื้อแล้ว สามารถพัฒนากลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ กลุ่มเสี่ยงคือผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ และผู้ที่สูบบุหรี่หรือสูดดมควันบุหรี่ย่อมมีความเสี่ยงมากขึ้น”
ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วจะติดเชื้อ HPV แต่ก็มีความเสี่ยงสูงถึง 50%
คุณหมอเนตร บอกว่า “คนที่มีเพศสัมพันธ์ 100 คน จะมีประมาณ 50 คน ที่ติดเชื้อ HPV นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงทุกคนจึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และที่มากกว่านั้นคือควรตรวจหาเชื้อในระดับดีเอ็นเอ HPV DNA Testing ซึ่งเจาะลึกถึงระดับดีเอ็นเอ ในสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก”
การตรวจ HPV แบบเจาะลึกถึง DNA…กับความแม่นยำที่มากกว่า
HPV DNA TESTING เป็นการตรวจแบบเจาะลึกระดับดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นเทคนิคการตรวจระดับชีวโมเลกุลที่สามารถค้นหาเชื้อเอชพีวีได้ในระยะก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูก ทำให้สามารถป้องกันและรักษาเชื้อเอชพีวีได้ก่อนที่เชื้อจะพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งวิธีนี้มีความแม่นยำอย่างมาก ต่างจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธีอื่นๆ ในปัจจุบัน ซึ่งมีความแม่นยำน้อยกว่า
เพิ่มพลังคูณสอง… แม่นยำสูง เว้นระยะตรวจได้ถึง 5 ปี
“การตรวจ “เอชพีวี ดีเอ็นเอ” (HPV DNA Testing) ร่วมกับการตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี “ตินเพร็พ” (Thin Prep Pap Test) อาจเรียกได้ว่าเป็นการรวมพลังคูณสองของการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่รอบด้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการตรวจที่มีความแม่นยำสูง และในกรณีผลตรวจระบุว่าไม่มีความผิดปกติ ไม่พบเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ก่อมะเร็ง ย่อมมั่นใจได้ว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกมีได้น้อยมาก ซึ่งทำให้คุณผู้หญิงสามารถเว้นระยะการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 5 ปี อีกด้วย”
คุณหมอทิ้งท้ายว่า “อยากให้ผู้หญิงทุกคนตื่นตัวในการเฝ้าระวังดูแลสุขภาพเฉพาะทางของตนเอง เพราะมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบอันดับต้นๆ ของผู้หญิงไทย และยังเป็นมะเร็งเพียงไม่กี่ชนิดที่ทราบสาเหตุการเกิดโรค ดังนั้นเราจึงไม่ควรปล่อยโอกาสที่จะตรวจหาเชื้อก่อนที่โรคจะถามหาด้วย HPV DNA Testing พร้อมๆ กับการฉีดวัคซีนเอชพีวีป้องกันโรคร้าย” เพราะอย่าลืมว่า “การป้องกันคือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับคำว่าสุขภาพ”
พญ.เนตร บุญคุ้ม
สูตินรีแพทย์
ศูนย์สุขภาพหญิง
โรงพยาบาลพญาไท 3