ภาวะแท้งคุกคาม

พญาไท 2

2 นาที

ส. 01/04/2017

แชร์


Loading...
ภาวะแท้งคุกคาม

การตั้งครรภ์ที่มีเลือดออกจากโพรงมดลูกผ่านทางช่องคลอด โดยที่ปากมดลูกยังไม่เปิดในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์เป็นภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่พบได้บ่อย โดยพบได้ถึงประมาณ ร้อยละ 25 ของการตั้งครรภ์ โดยที่สาเหตุของการแท้งคุกคามเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความพิการของทารกแต่กำเนิด (Congenital anomalies) ความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ (Chromosome anomalies) การตั้งครรภ์โดยไม่มีตัวอ่อน (Blighted ovum) ความผิดปกติของมดลูกหรือ ความผิดปกติของฮอร์โมนที่มีผลต่อการฝังตัว หรือส่วนหนึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

อาการของภาวะแท้งคุกคาม

นพ. นิวัฒน์ อรัญญาเกษมสุข สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลพญาไท 2 ให้ข้อมูลถึงภาวะอันตรายที่ที่เกี่ยวข้องกับแท้งคุกคาม โดยจะมีอาการเลือดออกทางช่องคลอด ปริมาณเลือดที่ออกอาจจะมากหรือน้อยแตกต่างกันกันไป อาจมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ ในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ อาจเป็นเพียงภาวะปกติ ที่มีเลือดออกจากตำแหน่งฝังตัวของตัวอ่นที่เยื่อบุโพรงมดลูกที่เรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก หรือ Placental sign or Hartman’sign ที่มักเกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิแล้วประมาณ 17 วัน หรือ 4 สัปดาห์ครึ่ง นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาการของการแท้งได้

ภาวะอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายภาวะแท้งคุกคาม

เช่น การตั้งคราภ์ ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy) อาจมีอาการเลือดออกกระปริดกระปรอยหรือออกมากเหมือนเป็นประจำเดือน จนกระทั่งตกเลือดได้ในบางราย การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic pregnancy) ซึ่งมักมีอาการปวดท้องน้อย และมีเลือดออกทางช่องคลอดถ้ามีการแตกของถุงการตั้งครรภ์ทำให้เกิดการตกเลือด ในช่องท้อง คนไข้อาจมีอาการซีด ความดันต่ำและเกิดภาวะช็อคได้ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ถ้าได้รับการตรวจรักษาไม่ทั นดังนั้นถ้าผู้ที่ตั้งครรภ์มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือปวดท้องน้อยควรรีบพบแพทย์

การตรวจวินิจฉัยภาวะแท้งคุกคาม

การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือการตรวจอัลตราซาวด์ เป็นการตรวจวินิจฉัยที่ให้ความถูกต้อง แม่นยำสูง สามารถแยกภาวะการตั้งครรภ์นอกมดลูก และครรภ์ไข่ปลาอุก ออกจากครรภ์ปกติได้ และตรวจดูว่า ตัวอ่อนในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ โดยดูจากการเต้นจของหัวใจ การเคลื่อนไหวของตัวเด็ก ตรวจดูสุขภาพถุงหุ้มตัวอ่อนมดลูกว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีหรือไม่ ถุงไข่แดง และจำนวนตัวอ่อนที่ตั้งครรภ์

ในกรณีที่ตรวจแล้วพบถุงการตั้งครรภ์ขนาดเล็ก ยังไม่พบ ส่วนของถุงไข่แดงหรือตัวเด็ก อาจต้องพิจารณาติดตามการตรวจครั้งต่อๆ ไป เนื่องจากเป็นครรภ์อ่อนๆ มากๆ ที่ยังไม่เห็นตัวเด็ก การตรวจอัลตราซาวด์ ทางช่องคลอดจะเห็นตัวเด็กได้เร็วกว่าทางหน้าท้องประมาณ 1-2 สัปดาห์

นอกจากนี้ การตรวจหาระดับฮอร์โมนในเลือด เช่น hCG ก็จะสามารถบอกได้ว่า ตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่หรือมีการเจริญเติบโตอยู่หรือไม่ ถ้าตัวอ่อนเสียชีวิตปริมาณฮอร์โมนจะต่ำลง หรืออาจใช้ติดตามการเพิ่มขึ้น ของระดับฮอร์โมน hCG ที่ช่วยแยกภาวะครรภ์ นอกมดลูกกับครรภ์ปกติ

ผลการวินิจฉัย

  • การตั้งครรภ์ปกติ มีชีวิต ร้อยละ 39.7
  • การตั้งครรภ์ผิดปกติ ร้อยละ 60.3
  • ตัวอ่อนหรือทารกที่เสียชีวิตแล้ว ร้อยละ 13.8
  • ครรภ์ไข่ล้ม ร้อยละ 23.2
  • ภาวะแท้งครบ ร้อยละ 12.5
  • ภาวะแท้งไม่ครบ ร้อยละ 5.8
  • ภาวะไข่ปลาอุก ร้อยละ 1.8
  • ภาวะครรภ์นอกมดลูก ร้อยละ 3.1 

ประมาณร้อยละ 50 จะสิ้นสุดด้วยการแท้งออกมา ไม่ว่าจะให้การรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม ซึ่งในผู้ป่วยที่แท้งออกมาเหล่านี้มักเป็นครรภ์ไข่ลม หรือภาวะที่ตัวอ่อนมักจะเสียชีวิต ไปก่อนห้านี้แล้วประมาณร้อยละ 50 ที่เหลือ ถ้าตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่และได้รับการดูแลอย่างดี เลือดที่ออกจากช่องคลอดจะน้อยลงและมีโอกาสตั้งครรภ์ต่อไปได้

จากสถิติพบว่าถ้าอายุครรภ์เกิน 8 สัปดาห์ และตรวจพบการเต้นของหัวใจของทารกด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ จะมีโอกาสตั้งครรภ์ต่อไปถึงร้อยละ 95

การรักษาภาวะแท้งคุกคาม

ในกลุ่มตั้งครรภ์มีชีวิต การตรวจอัลตราซาวด์ จะพบถุงการตั้งครรภ์ที่ประกอบด้วยส่วนของถุงไข่แดง ตัวเด็กและสัญญาณชีพของทารกในครรภ์เช่น การเต้นของหัวใจ (Doppler Ultrasound) หรือการไหลเวียนของเส้นเลือดในตัวทารก ที่ได้จากการตรวจอัลตราซาวด์ (Color Doppler Ultrasound) ซึ่งถ้าตรวจพบว่าตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ แพทย์จะเฝ้าติดตามการตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด โดยให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวต่อผู้ตั้งครรภ์ ดังนี้

  • ให้นอนพักผ่อนให้มากที่สุด ห้ามเดินมากๆ
  • งดเว้นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเกาะของทารก เช่น งดการมีเพศสัมพันธ์ การยกของหนัก หรือกิจกรรมใดๆก็ตามที่เป็นการเกร็งหน้าท้อง หรือเพื่อความดันในช่องท้อง
  • ติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด แนะนำให้ทำใจให้สบาย กินอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงทานโฟลิก

ส่วนการรักษาโดยการรับประทานฮอร์โมน หรือ การฉีดยาฮอร์โมนที่มักเรียกกันว่า ยากันแท้ง เป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่มีผลต่อการเกาะผนังมดลูกของทารกในครรภ์ มีประโยชน์ในรายที่การมีเลอืดออกเกิดจากภาวะขาดฮอร์โมนดังกล่าว แต่การพิสูจน์โดยการเจาะเลือดตรวจระดับฮอร์โมนดังกล่าว อาจต้องใช้เวลานานส่วนใหญ่จึงพิจารณาให้ใช้รายที่สงสัยว่าเกิดจากการขาด ฮอร์โมนดังกล่าว แต่ต้องมั่นใจว่าเห็นสัญญาณการตั้งครรภ์ปกติในโพรงมดลูกและเห็นการเต้นของ หัวใจลูกแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจะเป็นการประคองครรภ์ที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการแท้งที่ยึดเยื้อออกไป ทำให้ตกเลือดเป็นระยะเวลานาน และอาจจะทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนได้

ในกลุ่มที่ตั้งครรภ์ไม่มีชี่วิต (Non-viable pregnancy) การสิ้นสุดการตั้งครรภ์อจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยมีการบีบตัวของมดลูก เพื่อขับถุงการตั้งครรภ์และรกออกมา ถ้าออกมาครบทั้งหมด (Complete abortion) อาการปวดท้องจะค่อยๆหายไป และเลือดจะค่อยๆออกน้อยลงเรื่อยๆ และหยุด แต่ถ้าเกิดการแท้งที่ออกไม่หมด (Incomplete abortion) จะทำให้อาการปวดท้องเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และเลือดออกเพิ่มมากขึ้น จนมีอาการตกเลือดในบางรายได้ ในกรณีนี้ควรรีบไปพบแพทย์ที่ทำการขูดมดลูก

ในกลุ่มที่ยังไม่สามารถสรุปผลการตรวจวินิจฉัย ได้ (Inconclusive) อาจพิจารณาให้การรักษาแบบประคับประคองไปก่อนและนัดมาตรวจติดตาม โดยการตรวจอัลตราซาวด์ ซ้ำ ในอีก 4-7 วันต่อมา โดยเฉพาะในกลุ่มที่สงสัยการตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์อ่อนมากๆ อาจยังไม่เห็นถุงไข่แดง หรือตัวเด็กที่จำเป็นต้องแยกจากภาวะครรภ์ไข่ลม เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการนำการตั้งครรภ์ปกติที่ยังเล็กอยู่มากๆ ไปขูดมดลูกเพราะคิดว่าเป็นครรภ์ผิดปกติ หรือครรภ์ไข่ลมเป็นต้น

นพ. นิวัฒน์ อรัญญาเกษมสุข
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
ศูนย์สุขภาพหญิ โรงพยาบาลพญาไท 2

นัดหมายแพทย์

แชร์