เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ เราสามารถสังเกตหรือตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายด้วยตนเองจากสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ หรือหากมีความผิดปกตินอกเหนือจากนี้ คุณแม่มือใหม่ควรสังเกตตัวเองให้ดี เพื่อเตรียมตัวไปปรึกษาแพทย์
- รอบเดือนเลื่อนออกไป
เมื่อรอบเดือนเลื่อนออกไปจากปกติประมาณ 4-5 วัน ทั้งที่ไม่ได้มีการคุมกำเนิดอย่างใดเลย ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ แต่ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้รอบเดือนไม่มาตามปกติ เช่น ความเครียดกังวลมากๆ จากการทำงาน จากปัญหาในครอบครัว หรือกลัวว่าจะตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่พร้อม ซึ่งอาจไปมีผลทำให้การทำงานของฮอร์โมนผิดปกติ จึงส่งผลให้ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนนั้น ประจำเดือนจึงเลื่อนออกไป ส่วนสาเหตุอื่น เช่นโรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคฮอร์โมนโปรแลคตินสูงผิดปกติ เป็นต้น - ปัสสาวะบ่อย
เกิดจากการทำงานของไตมากขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณของเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ จึงทำให้เลือดผ่านไปที่ไตมากกว่าเดิมและจากการขยายตัวของมดลูกไปเบียดกระเพาะปัสสาวะส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น - เต้านมคัด
ปกติช่วงเวลาใกล้จะมีประจำเดือน หน้าอกจะเริ่มคัดตึงได้ ซึ่งจะคล้ายกับการเริ่มตั้งครรภ์ สาเหตุเกิดจากการปรับสภาพของต่อมน้ำนมจากผลของฮอร์โมน จะมีอาการอยู่ประมาณ 2-3 เดือน แล้วจึงหายไปเอง - อาการคลื่นไส้อาเจียน หรือแพ้ท้อง
อาจมีอาการร่วมกับเวียนศรีษะ หน้ามืด เป็นลม ซึ่งจะเริ่มมีอาการเมื่อตั้งครรภ์ประมาณเดือนเศษ และมีอาการอยู่ประมาณ 2-3 เดือนจึงหายไป บางคนก็มีอาการนานกว่านี้ - น้ำหนักตัวเพิ่ม
โดยเฉลี่ยตลอดการตั้งครรภ์ น้ำหนักควรเพิ่มประมาณ 10 – 14 กิโลกรัม โดยใน 3 เดือนแรกน้ำหนักควรเพิ่มประมาณ 1-2 กิโลกรัม ถ้าไม่แพ้ท้องมาก เดือนที่ 4-5 เพิ่มเดือนละ 1-1.5 กิโลกรัม ตั้งแต่เดือนที่ 6 ขึ้นไปเพิ่มเดือนละ 1.5-2.0 กิโลกรัม อาหารที่ทำให้น้ำหนักคุณแม่เพิ่มเร็วกว่าปกติคือ กลุ่มคาร์โบไฮเดรตและไขมัน เช่น ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ของหวาน อาหารที่มีไขมันมาก ดังนั้นจึงต้องระวังในการรับประทานอาหารในกลุ่มนี้ไม่ให้มากเกินไป
“การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้น เราสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนแต่ในส่วนของอารมณ์นั้น คนที่ตั้งครรภ์นั้นจะรู้สึกได้ เช่น ดีใจ ผิดหวัง กลัวการเจ็บปวดจากการคลอด บางครั้งวิตกกังวลเกินไปทั้งเรื่องของลูกที่จะเกิดมา กลัวว่าจะผิดปกติ เรื่องของรูปร่างทรวดทรงของร่างกาย กลัวว่าจะเปลี่ยนแปลงมากเกินไป สาเหตุเหล่านี้อาจทำให้หงุดหงิดง่าย เครียด นอนหลับพักผ่อนไม่พอจึงเจ็บป่วยได้ง่าย
ดังนั้น เพื่อนที่ดีที่สุดพร้อมจะให้กำลังใจ ปลอบใจ และอดทนกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ตั้งครรภ์นั้นก็คือ สามี ซึ่งจะช่วยได้มากตั้งแต่ เริ่มตั้งครรภ์ ระหว่างคลอด และหลังคลอด จะคอยให้กำลังใจให้ความเข้าใจและดูแลด้วยความอบอุ่นอย่างใกล้ชิด”
