ในชีวิตคนเรานอกจากการดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ แล้วการสำรวจร่างกายของตนเองก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะบางครั้งสิ่งผิดปกติก็อาจเกิดขึ้นเงียบๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับเต้านมที่ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนเพื่อหาความผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณผู้หญิง เพราะซีสต์หรือก้อนเนื้อที่เต้านมอาจเกิดขึ้นกับคุณได้ !
“ซีสต์และก้อนเนื้อที่เต้านม” ความแตกต่างที่มากกว่า
พญ.วิภาวี สรรพสิทธิ์วงศ์ ศัลยแพทย์ด้านศีรษะ คอและเต้านม ประจำศูนย์ศีรษะ คอ และเต้านม โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้ให้ข้อมูลว่า “ซีสต์และก้อนเนื้อที่เต้านม” เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบมาก แต่ในขณะเดียวกันหลายคนยังมีความเข้าใจในเรื่องซีสต์และก้อนเนื้อคลาดเคลื่อน บางคนคิดว่าเป็นปัญหาเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงมีความแตกต่างกันเพียงแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมาพบหมอด้วยที่มาเดียวกัน นั่นก็คือสามารถคลำได้ก้อนที่บริเวณเต้านม โดยก้อนที่เต้านมตรวจพบมากใน 3 ลักษณะ คือ ถุงน้ำ ก้อนเนื้อธรรมดา และ ก้อนเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็งเต้านม
ซีสต์ที่เต้านมหรือถุงน้ำในเต้านม มีลักษณะเป็นถุงน้ำมีเซลล์ต่อมน้ำนมล้อมรอบและภายในเป็นน้ำ ถุงน้ำในเต้านม เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงปกติของเต้านม ไม่ใช่ลักษณะเริ่มต้นของมะเร็ง ไม่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็งเต้านมอีกทั้งผู้ป่วยถุงน้ำที่เต้านมมักจะมีประวัติถุงน้ำโตและยุบตามรอบประจำเดือนและพบได้หลายตำแหน่ง ซึ่งการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นสามารถพิจารณาได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกาย
ก้อนเนื้อที่เต้านม คือ เซลล์ของต่อมน้ำนมและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของเต้านมรวมตัวกันเกิดเป็นก้อน โดยก้อนเนื้อที่พบมี 2 ประเภท คือ ก้อนเนื้อธรรมดา ในกลุ่มนี้จะไม่พัฒนากลายเป็นมะเร็ง และก้อนเนื้อชนิดนี้จะมีขอบเขตของก้อนที่ชัด แพทย์สามารถทราบเบื้องต้นได้จากการตรวจคลำเต้านม และสำหรับก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งเต้านม จะมีลักษณะก้อนที่ค่อนข้างแข็งกว่าก้อนเนื้อธรรมดา ขอบเขตมักไม่ชัดเจน และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ผิวหนังดึงรั้ง หัวนมดึงรั้ง ต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย
นอกจากการตรวจร่างกายและซักประวัติโดยแพทย์แล้ว จะต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันชนิดของก้อนที่ชัดเจนโดยการตรวจทางรังสีวินิจฉัย เช่น การตรวจด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม การตรวจอัลตราซาวนด์ จะสามารถช่วยแยกชนิดของก้อนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และหากแพทย์พิจารณารายละเอียดอย่างชัดเจนและพบความผิดปกติ อาจต้องส่งชิ้นเนื้อตรวจเพิ่มเติม
“โดยปกติผู้ที่คลำได้ก้อนมีทั้งที่มาพบแพทย์และไม่มา เพราะรู้สึกว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ ซึ่งหมออยากจะให้ทุกคนเข้าใจประการหนึ่งว่า “มะเร็ง” อาจคลำได้ก้อนเพียงอย่างเดียวและไม่มีอาการเจ็บ ซึ่งกว่า 90% ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมไม่มีอาการเจ็บใดๆ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่คลำพบก้อน แม้ไม่เจ็บหรือผิดปกติก็ควรมาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์”
พญ.วิภาวี อธิบายเพิ่มเติมว่า ซีสต์เต้านมและก้อนเนื้อที่เต้านม ถึงแม้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่โดยทั่วไปสามารถพิจารณาจากช่วงอายุ ก้อนเนื้อธรรมดามักพบบ่อยในผู้ที่อายุค่อนข้างน้อยตั้งแต่ 20-30 ปี ในขณะที่ถุงน้ำที่เต้านมพบได้บ่อยในวัย 30-40 ปี และสำหรับผู้ที่อายุมากขึ้นต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับมะเร็งมากยิ่งขึ้น
การดูแลอย่างใส่ใจ เมื่อมีซีสต์ที่เต้านมหรือถุงน้ำในเต้านม
สำหรับแนวทางการดูแล “ซีสต์ที่เต้านมหรือถุงน้ำในเต้านม” สามารถดูแลด้วยการตรวจติดตามการเปลี่ยนแปลง และเจาะถุงน้ำในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการมาก เช่น เจ็บ เนื่องจากน้ำคั่งอยู่ปริมาณมาก ซึ่งการเจาะก็จะช่วยบรรเทาอาการ ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วถุงน้ำที่เต้านมไม่จำเป็นต้องผ่าตัดถุงน้ำออก ส่วนการรักษา “ก้อนเนื้อที่เต้านมแบบธรรมดา” หากตรวจอัลตราซาวด์พบว่ามีขนาดเล็กและด้วยรายละเอียดของก้อนไม่มีความน่ากังวล ประกอบกับคนไข้ไม่มีอาการส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตและไม่มีความกังวลกับก้อนเนื้อที่เกิดขึ้น อาจดูแลด้วยการตรวจติดตามจากอัลตราซาวด์ โดยไม่ต้องผ่าตัดออก ยกเว้นในกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่ ผู้ป่วยกังวัลมากและมีอาการเจ็บอาจพิจารณาผ่าตัดออก โดยส่วนใหญ่แล้วผลการรักษาจะให้ผลดี โอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำหรือเกิดขึ้นใหม่พบก้อนได้ค่อนข้างน้อย พญ.วิภาวี กล่าว
“การดูแลตัวเองในกรณีที่พบถุงน้ำและก้อนเนื้อที่เต้านม ไม่มีข้อห้ามหรือการปฏิบัติตัวใดเป็นพิเศษ มีเพียงการนัดตรวจติดตาม และแนะนำให้ตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสังเกตว่าก้อนมีความเปลี่ยนแปลงในระหว่างก่อนมาพบแพทย์หรือไม่ และสำหรับบุคคลทั่วไปสามารถดูแลตนเองด้วยวิธีง่ายๆ คือ การคลำเต้านมทั้ง 2 ข้างด้วยตนเองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หลังจากวันที่ประจำเดือนหมด 7 – 10 วัน หากพบความผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์ และสำหรับผู้หญิงที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป นอกจากการตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองแล้ว ควรรับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรมและอัตราซาวด์เต้านม พร้อมเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ด้านเต้านมเป็นประจำทุกปี”