เพราะปัญหาข้อไหล่มีความซับซ้อนและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก เพื่อให้ทุกคนเข้าใจปัญหาการบาดเจ็บของข้อไหล่และการรักษาให้ดีขึ้น พ.ต.ต.นพ.วิชาญ กาญจนถวัลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ จึงมีความรู้ดีๆ มาฝาก
การบาดเจ็บที่ข้อไหล่ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ การบาดเจ็บในผู้ที่อายุน้อย และการบาดเจ็บของวัยทำงานจนถึงวัยสูงอายุ
1. ปัญหาการบาดเจ็บข้อไหล่ของกลุ่มอายุน้อย ในความเป็นจริงแล้ว โรคที่เกี่ยวกับข้อไหล่ของคนกลุ่มนี้มีไม่มาก แต่ที่มาพบแพทย์เกือบทั้งหมดมีที่มาจาก “ข้อไหล่หลุดหรือข้อไหล่ไม่มั่นคง” ซึ่งในบ้านเราพบได้จากการเล่นกีฬาและที่พบมากที่สุดคืออุบัติเหตุ
หากจะกล่าวถึงลักษณะเฉพาะของข้อไหล่หลุดหรือข้อไหล่ไม่มั่นคงที่สำคัญสามารถสรุปได้ดังนี้ ข้อไหล่นั้นมีพิสัยการเคลื่อนไหวในวงกว้าง เนื่องจากร่างกายสร้างให้มีความยืดหยุ่นสูง แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ข้อไหล่หลุดแล้ว โอกาสที่ข้อไหล่จะหลุดซ้ำหลังการหลุดครั้งแรกจะมีสูงมาก และจะมีโอกาสหลุดมากยิ่งขึ้นในผู้ป่วยอายุน้อย อาทิ ผู้ป่วยวัย 20 ปี ข้อไหล่หลุดโอกาสที่ข้อไหล่จะหลุดซ้ำภายใน 1 ปี มีมากถึง 80 % เลยทีเดียว แต่สำหรับผู้ที่อายุ 30 ปี หรือ 40 ปี และอายุมากขึ้นอัตราการหลุดซ้ำจะลดลง เรียกได้ว่าโอกาสเกิดซ้ำมีความสัมพันธ์กับอายุ
สำหรับแนวทางการรักษา แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม อาจจะรักษาด้วยการรับประทานยา และเรียนรู้การทำกายภาพบำบัดในกรณีผู้ที่มีอาการไหล่ไม่มั่นคงในระยะเริ่มต้น แต่ถ้าวิธีการรักษาแบบประคับประคองดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือมีการหลุดซ้ำอย่างชัดเจน ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ปัจจุบันการผ่าตัดส่องกล้องเป็นที่นิยมและให้ผลการรักษาที่ดี
“การผ่าตัดส่องกล้องข้อไหล่ จะใช้กล้องขนาดเพียง 4.5 มิลลิเมตร เจาะบริเวณรอบๆ หัวไหล่ประมาณ 3-4 รู เพื่อให้สามารถใส่เครื่องมือและกล้องที่มีกำลังขยายสูงเข้าไปทำการผ่าตัดรักษาภายใน และแพทย์จะทำการรักษาโดยดูรายละเอียดผ่านจอมินิเตอร์ภายนอก จึงทำให้บาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อน้อย แผลเล็ก ฟื้นตัวได้เร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเดิม”
2. ปัญหาการบาดเจ็บข้อไหล่ของกลุ่มวัยทำงานถึงวัยสูงอายุ โดยส่วนใหญ่จะมีโรคที่เป็นปัญหานำที่สำคัญ 2 ประการครับ ได้แก่ เอ็นหมุนข้อไหล่ (Rotator Cuff) และข้อไหล่ติด (Frozen shoulder/Adhesive capsulitis) ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า อาการบาดเจ็บข้อไหล่และข้อไหล่ติดเป็นโรคที่พบมาก แต่ในความจริงนั้น เอ็นหมุนข้อไหล่พบได้บ่อยกว่ามาก คือประมาณ 80 % ส่วนข้อไหล่ติดพบเพียง 20 % เท่านั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่า เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหาเรื่องข้อไหล่จะต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้การรักษาถูกต้องสอดคล้องกับโรคที่เป็นอย่างแท้จริง เพราะถ้าการวินิจฉัยโรคไม่ถูกต้อง การรักษาต่างๆ อาจยิ่งส่งผลเสียกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น
“เอ็นหมุนข้อไหล่” โรคที่ใครๆ ก็เป็นได้!!
การบาดเจ็บเอ็นหมุนข้อไหล่ สามารถพบได้ทั้งจากการอักเสบ การกดทับของหินปูน และการฉีกขาด หากมาพบแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถเริ่มรักษาแบบประคับประคองด้วยการรับประทานยาต้านการอักเสบ การฉีดยา และการทำกายภาพบำบัดได้ แต่ถ้ามาพบแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้ว เป็นมานาน หรือตรวจพบว่าเอ็นหมุนข้อไหล่มีการฉีกขาดหรือทะลุ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดส่องกล้องแก้ไขเพื่อเย็บซ่อมแซมเส้นเอ็น
“โรคเอ็นหมุนข้อไหล่สามารถกล่าวได้ว่า เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมตามอายุ เพราะฉะนั้นโรคนี้จึงพบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และโรคนี้ยังมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับการใช้ชีวิตบางกิจกรรมที่ต้องยกมือขึ้นเหนือศีรษะ (Overhead Activity) บ่อยๆ หรือตลอดเวลา เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเอ็นหมุนข้อไหล่ ในต่างประเทศมักจะกล่าวว่า อาชีพที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรค ได้แก่ ช่างทำฝ้าเพดานและช่างทาสี แต่สำหรับประเทศไทยที่ผมพบ เช่น ครู ผู้ที่ชอบเล่นกีฬากอล์ฟ เทนนิส แบดมินตัน เป็นต้น”
อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บของเอ็นหมุนข้อไหล่ในกรณีที่มีการฉีกขาด นอกจากเพราะปัจจัยของความเสื่อมตามวัย ยังอาจพบได้ในกรณีเกิดอุบัติเหตุรุนแรงที่บริเวณข้อไหล่ได้เช่นเดียวกัน
ข้อไหล่ติด..อีกหนึ่งโรคที่เกิดและหายเองได้
สำหรับ “โรคข้อไหล่ติด” ชื่อโรคที่ฮิตติดปากของคนทั่วไป ตามหลักทางการแพทย์เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นและหายได้เอง แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี นั่นหมายถึงผู้ป่วยอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานนานมากเลยทีเดียว การจะทำความรู้จักข้อไหล่ติดให้มากขึ้นควรทราบก่อนว่า ข้อไหล่ติดนั้นจะแบ่งระยะของโรคออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- ระยะที่ 1 (3 เดือนแรก)เป็น “ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด” ที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก มีการอักเสบในข้อไหล่อย่างรุนแรง
- ระยะที่ 2 (3-9 เดือน) ข้อติดเป็นระยะที่ข้อจะติดมากขึ้น พิสัย “การเคลื่อนไหวของข้อไหล่ลดลง” ผู้ป่วยจะทำกิจกรรมเหล่านี้ลำบากมากขึ้น เช่น หวีผม การติดตะขอเสื้อชั้นในด้านหลังในผู้หญิง แต่อาการปวดจะเริ่มดีขึ้น
- ระยะที่ 3 (12-24 เดือน) ภาพรวมของ “อาการปวดและไหล่ติดจะค่อยๆ ทุเลาลงอย่างช้าๆ” แต่ยังคงเป็นในระยะเวลาค่อนข้างนาน ส่วนใหญ่อาการปวดโดยรวมจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 แต่ข้อไหล่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดีเท่าที่ควร
“ผมจึงบอกคนไข้เสมอว่า โรคข้อไหล่ติดทุกคนอาจไม่ต้องได้รับการรักษา แต่ต้องได้รับการดูแลและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง บางคนมาพบผมด้วยโรคข้อไหล่ติด เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนที่ 3 อาการปวดเริ่มดีขึ้น แต่คนไข้จะสงสัยว่าเหตุใดไหล่จึงติดมากขึ้น เคลื่อนไหวลำบาก ผมจึงต้องอธิบายระยะโรคทั้ง 3 ระดับให้คนไข้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อให้ทราบการดำเนินโรคที่เกี่ยวกับอาการในแต่ละช่วง ในบางครั้งผมตรวจวินิจฉัยคนไข้และพบว่าอาการปวดน้อยลง ไหล่ติดไม่มาก จะบอกคนไข้ตามข้อเท็จจริงว่า ไหล่อาจจะติดอีกเล็กน้อย แต่ไม่รุนแรง สามารถดูแลโดยวิธีการทำกายบริหารตามคำแนะนำอีกประมาณ 4-5 เดือน อาการก็จะดีขึ้น โดยไม่ต้องรับการรักษาเฉพาะใดๆ เลย”
อาการข้อไหล่ติดแบบไหน? ที่ควรไปพบแพทย์
ถึงแม้ปัญหาสุขภาพของข้อไหล่จะเป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่ทุกคนสามารถระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รวมถึงการดูแลตัวเองเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาหากเกิดปัญหาข้อไหล่ ผมจึงอยากฝากวิธีสังเกตการบาดเจ็บข้อไหล่ไว้ดังนี้ “หากมีอาการมากกว่า 2 สัปดาห์ นอนตะแคงเอาหัวไหล่ด้านนั้นลงแล้วมีอาการเจ็บปวด เช่น ปวดไหล่ซ้าย นอนตะแคงด้านซ้ายไม่ได้ หรือบางรายที่มีอาการมากขึ้นจะรู้สึกไม่ค่อยสบายเมื่อนอนหงาย” นี่คืออาการนำที่จะต้องรีบปรึกษาแพทย์ ซึ่งในปัจจุบันคลินิกเฉพาะทางโรคข้อไหล่ยังมีไม่มาก
สำหรับกรณีที่อาจจะต้องรักษาอาการบาดเจ็บที่ข้อไหล่ ในปัจจุบันการผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง ถือเป็นมาตรฐานและได้ผลดี นอนโรงพยาบาลสั้น การพักฟื้นตัวใช้ระยะเวลาน้อยกว่าการผ่าตัดแบบธรรมดา ค่าใช้จ่ายในการรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้องแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย และโรคที่เป็น