อาการขี้ลืมแบบไหน...เข้าข่าย “ภาวะสมองเสื่อม”

พญาไท 2

1 นาที

ศ. 27/03/2020

แชร์


Loading...
อาการขี้ลืมแบบไหน...เข้าข่าย “ภาวะสมองเสื่อม”

ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) เป็นภาวะที่จำนวนเซลล์สมองที่ทำงานได้ยิ่งลดลงอย่างรวดเร็ว อันเกิดจากการฝ่อเหี่ยวล้ำหน้าไปอีก ภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ ส่วนมากจะพบในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป แต่ภาวะสมองเสื่อมตั้งแต่อายุน้อยกว่านั้นก็สามารถพบได้ มักจะมีสาเหตุมาจากโรคทางพันธุกรรม โรคหลอดเลือดสมอง โรคติดเชื้อของสมอง การได้รับสารพิษ เป็นต้น เมื่อเซลล์สมองฝ่อเหี่ยวลง จะส่งผลให้มีปัญหาในด้านความจำ ความคิด อารมณ์ และบุคลิกภาพ ที่เปลี่ยนไปจากเดิม

สาเหตุที่ทำให้สมองเสื่อม

  • โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับภาวะสมองเสื่อมทั้งหมด เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์สมองบางส่วนตายไป มีผลทำให้การส่งสารสื่อประสาทลดลง ผู้ป่วยโรคนี้จะสูญเสียความทรงจำและการเรียนรู้  เมื่อเวลาผ่านไปอาการจะถดถอยไปเรื่อยๆ เนื่องจากเซลล์สมองตายเพิ่มขึ้นมากกว่าวัยที่ควรเป็น  ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาเป็นบรรเทาอาการของโรค และประคับประคองให้ผู้ป่วยสุขสบายที่สุด
  • โรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากมีการตีบตันของหลอดเลือดสมองทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์สมองได้น้อยลง หรือมีการฉีกขาดของหลอดเลือดสมองทำให้เลือดออกในสมอง กดเบียดเนื้อสมอง มีผลให้เซลล์สมองตายบางส่วน ความสามารถของสมองลดลง นอกจากจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง การทรงตัวไม่ดี พูดไม่ชัดแล้วเมื่อเวลาผ่านไป จะเกิดปัญหาสมองเสื่อมตามมาปัจจัยที่เป็นสาเหตุที่สามารถป้องกันได้คือ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความเครียด การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์จัด เป็นต้น
  • สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม เช่น
    • การติดเชื้อในสมอง ไวรัสเอดส์ ซิฟิลิส
    • ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
    • การขาดวิตามินบี 12 พบบ่อยในรายที่การดูดซึมบกพร่อง
    • การได้รับสารพิษหรือยา
    • โรคโพรงน้ำในสมองโต
    • การมีเนื้องอกในสมอง
    • กระทบกระเทือนทางสมองแบบเรื้อรัง หรือกลุ่มผู้ที่มีประวัติได้รับอุบัติเหตุทางสมองอย่างรุนแรงมาก่อน
    • ความผิดปกติของตับไต เรื้อรังเป็นต้น

ปัจจัยที่ทำให้สมองเสื่อม

  • อายุที่มากขึ้น ยิ่งพบอัตราสมองเสื่อมมากขึ้น
  • พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคสมองเสื่อม ทำให้มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
  • การมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวานไขมันในเลือดสูง โรคตับ ไต เรื้อรัง
  • การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่จัด
  • การได้รับสารพิษ จากสิ่งแวดล้อม สารเสพติด
  • โรคต่อมไทรอยด์ หรือ พาราไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
  • จากการติดเชื้อ เช่น โรคเอดส์ ซิฟิลิส
  • ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง จากอุบัติเหตุหรือจากอาชีพ เช่น นักมวย
  • การขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี 12
  • การเป็นโรคโพรงน้ำในสมองโต  หรือการมีเนื้องอกสมอง

สมองเสื่อมมีอาการอย่างไร

  • ความจำบกพร่องและความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลดลง เช่น จำเหตุการณ์ในระยะสั้นๆ ไม่ได้ ถ้าเป็นมากจะจำเหตุการณ์ในอดีต  บุคคลที่รู้จัก รวมถึงเริ่มจำบุคคลใกล้ชิดไม่ได้
  • การใช้ภาษาบกพร่อง เช่น นึกคำพูดไม่ออก ใช้คำพูดไม่ถูกต้อง การเขียน การอ่านไม่ถูกต้อง หรือทำไม่ได้
  • ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเคย การช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง เช่น การรับประทานอาหาร การอาบน้ำขับถ่าย ทำเองไม่ได้หรือทำไม่ถูกต้อง
  • มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และบุคลิกภาพ อาจหงุดหงิด ก้าวร้าว ซึมเศร้า เฉยเมยไร้อารมณ์
  • นอนไม่หลับ ประสาทหลอน เห็นภาพหลอน หวาดระแวง และวิตกกังวล

การตรวจวินิจฉัย แพทย์ต้องตรวจหาสาเหตุและแยกโรค เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยการตรวจต่างๆ เช่น

  • ตรวจร่างกาย ซักประวัติ อาการ ตรวจร่างกายทางระบบประสาท และการทดสอบสภาพจิตในด้าน ความจำ การเรียนรู้ การใช้ภาษา การคิดคำนวณ การรู้เวลาสถานที่ การวางแผนทางความคิด
  • การตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของต่อมไทรอยด์ของตับ ของไต และดูระดับเกลือแร่ ที่อาจเป็นสาเหตุ
  • การเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Brain) หรือตรวจคลื่นสมอง (EEG) เพื่อช่วยในการวางแผนการรักษา
  • อาจมีการเจาะน้ำไขสันหลังส่งตรวจวิเคราะห์ ในรายที่สงสัยว่ามีภาวะติดเชื้อในสมอง

แนวทางการรักษา

  • แพทย์มุ่งเน้นรักษาที่สาเหตุ ในโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง โรคติดเชื้อในสมอง ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ โพรงน้ำสมองโต เนื้องอกในสมอง ภาวะขาดโฟเลท ขาดวิตามินบี 12 การได้รับยาเกินขนาด เป็นต้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้หากรักษาได้ถูกต้องและทันเวลา สมองถูกทำลายไม่มาก ผู้ป่วยอาจจะกลับเป็นปกติได้ ถ้ารักษาช้าไปอาจมีความทุพพลภาพอยู่มาก
  • มุ่งเน้นการรักษาแบบประคับประคองอาการ เนื่องจากในกลุ่มที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคมะเร็งสมองระยะลุกลาม สมองติดเชื้อในผู้ป่วยโรคเอดส์บางอย่างอาจรักษาด้วยการให้ยาเพียงประคับประคองอาการ แต่ไม่สามารถหยุดขบวนการเสื่อมของสมองได้ ต้องอาศัยการดูแลที่ดีและญาติมีความเข้าใจ จะช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และที่สำคัญคือเพิ่มคุณภาพชีวิตทั้งของผู้ป่วยและญาติ

แชร์

Loading...
Loading...
Loading...