เช็กลิสต์! วัคซีนที่ควรฉีด ก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ

พญาไท 2

2 นาที

ศ. 21/10/2022

แชร์


Loading...
เช็กลิสต์! วัคซีนที่ควรฉีด ก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ

ปลายปีเป็นช่วงที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแถบเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมถึงฝั่งยุโรป หรือการท่องเที่ยวชมธรรมชาติและสัตว์ป่าแอฟริกา ซึ่งการวางแผนก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ นอกจากเตรียมวางแผนเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป กิจกรรมที่จะทำ เสื้อผ้า อุปกรณ์ของใช้ ที่เหมาะกับอากาศของประเทศนั้น อีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ “การป้องกันตนเองไม่ให้เจ็บป่วยในขณะเดินทาง” ไม่ว่าจะด้วยการเตรียมยาประจำตัว รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค

วัคซีน… ตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้นักเดินทาง

หากกำลังสงสัยว่ามีวัคซีนอะไรบ้างที่ต้องฉีดก่อนเดินทาง… ต้องมาทำความเข้าใจในส่วนนี้ ปัจจุบันวัคซีนที่ใช้สำหรับนักท่องเที่ยวจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ “วัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับ” และ “วัคซีนที่แนะนำตามความเหมาะสม” โดยควรเตรียมตัวฉีดวัคซีนก่อนเดินทางอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ เพื่อให้ได้วัคซีนป้องกันโรคที่ครอบคลุมก่อนเดินทาง

  1. วัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง (Required vaccine) เป็นวัคซีนที่ถูกกำหนดว่านักเดินทางจำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง ซึ่งเป็นไปตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR) ซึ่งปัจจุบันมีเพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนไข้เหลือง โดยนักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินทางไปยังดินแดนที่มีการระบาดของไข้เหลือง อย่างประเทศในแถบแอฟริกา และอเมริกาใต้ จำเป็นต้องได้รับวัคซีนนี้ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วัน
  2. วัคซีนที่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวตามความเหมาะสม (Recommended vaccine for travelers) วัคซีนในกลุ่มนี้ เป็นวัคซีนที่แนะนำให้ใช้ในนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางบางกลุ่ม/บางคน ตามความเหมาะสม โดยแพทย์จะพิจารณาปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกัน เช่น ประเทศหรือสถานที่ที่จะไปมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากแค่ไหน ระยะเวลาที่จะไป กิจกรรมที่จะไปทำ (เช่น ไปทำงาน ไปเรียน หรือไปท่องเที่ยว) ตลอดจนต้องพิจารณาถึงตัวนักท่องเที่ยว/นักเดินทางและตัวโรคด้วย 

วัคซีนที่จำเป็นก่อนการเดินทาง/ท่องเที่ยวในต่างประเทศ

ลำดับที่ รายการวัคซีน เหมาะกับใคร ?
1 วัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์
(Typhoid vaccine)
  • แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศแถบเอเชียใต้ เช่น อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดโรคไทฟอยด์
2 วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccine)
  • แม้ส่วนใหญ่วัคซีนชนิดนี้จะถูกใช้หลังการสัมผัสโรค แต่สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปในพื้นที่ห่างไกล หรือประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ก็ควรฉีดไว้ เพื่อลดความเสี่ยง
3 วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ
(Hepatitis A vaccine)
  • เป็นโรคที่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส ผู้ป่วยส่วนใหญ่โดยเฉพาะในเด็ก มักจะไม่มีอาการ แต่อาการจะมีมากและอาจรุนแรงได้ในผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
  • แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ ได้แก่ ประเทศในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชียใต้ รวมไปถึงประเทศในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้
  • วัคซีนดังกล่าวต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน จึงจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
4 วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น
(Meningococcal vaccine)
  • แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะบริเวณที่เรียกว่า Meninigitis belt เช่น ประเทศซูดาน ไนจีเรีย เอธิโอเปีย ฯลฯ
  • นักเรียน นักศึกษาไทยทีจะไปศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา ก็มีข้อกำหนดให้ต้องรับวัคซีนชนิดนี้ก่อนไป โดยเฉพาะถ้าต้องไปอยู่ในหอพัก
  • ผู้ที่จะไปแสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยเป็นระเบียบที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า ก่อนเข้าไปแสวงบุญ ทุกคนจำเป็นต้องฉีดวัคซีนนี้
5 วัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรค (Cholera vaccine)
  • แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ หรือเข้าไปทำงานในค่ายอพยพผู้ลี้ภัย หรือเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร
6 วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine)
  • ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถพบได้ทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศยุโรป อเมริกา
  • แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปในที่ชุมชน หรือในสถานที่แออัด ที่มีคนเป็นจำนวนมาก เช่น ผู้ที่จะไปพิธีแสวงบุญ ผู้จะไปชมกีฬา ไปเที่ยวงานเทศกาลต่างๆ ควรพิจารณาฉีดวัคซีนนี้
7 วัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP)
  • ผู้เดินทางทุกคนต้องได้รับวัคซีน DTP สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี และผู้ใหญ่ เมื่อได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม คือเข็มแรกในวันที่สะดวก เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือนแล้ว ควรรับการฉีด dT กระตุ้นทุก 10 ปี โดยอาจพิจารณาใช้ Tdap หรือ Tdap-IPV แทน dT ได้หนึ่งครั้ง
8 วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (HB)
  • แนะนำให้ตรวจหาภูมิก่อนเข้ารับวัคซีน หากตรวจพบว่ายังไม่มีภูมิคุ้มกันควรรับวัคซีน ให้เข้ารับวัคซีน 3 เข็มคือเข็มแรกในวันที่สะดวก เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
  • ในกรณีที่ไม่ภูมิคุ้มกัน แต่ต้องเดินทางในระยะเวลาอันใกล้ สามารถฉีดแบบเร่งรัดได้คือ ฉีดเข็มแรกในวันที่สะดวก ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 7 วัน และฉีดเข็ม 3 ห่างจากเข็มแรก 21 วัน ซึ่งการฉีดแบบนี้ จะทำให้สามารถฉีดครบ 3 เข็มได้ภายใน 3 สัปดาห์ แต่การฉีดแบบเร่งรัดนี้ จำเป็นต้องมีการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 4 เมื่อครบ 1 ปี เพื่อทำให้ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นาน
9 วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR)
  • หากไม่เคยได้รับวัคซีนดังกล่าว และไม่เคยมีการติดเชื้อตามธรรมชาติ (หรือไม่แน่ใจว่าเคยเป็นมาก่อนหรือไม่) ควรรับการฉีด MMR 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง โดยไม่จำเป็นต้องตรวจระดับภูมิคุ้มกันก่อนฉีดวัคซีน
  • แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศกำลังพัฒนา
10 วัคซีนโปลิโอ
(OPV , IPV)
  • แนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศอัฟกานิสถาน อินเดีย ปากีสถาน ไนจีเรีย แอฟริกา
  • ในคนไทยส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนโปลิโอตั้งแต่เด็กตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของกระทรวงสาธารณสุข และเชื่อว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการได้รับวัคซีนจะอยู่ได้ตลอดชีวิต แต่หากจำเป็นต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาดของโรคโปลิโออาจพิจารณารับวัคซีนกระตุ้น 1 ครั้ง
11 วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE)
  • ในคนไทยส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนชนิดนี้แล้ว แต่หากยังไม่เคยฉีด และต้องเดินทางไปต่างประเทศ ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน JE แบบเร่งรัด 3 เข็ม คือฉีดเข็มแรกในวันที่สะดวก ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 7 วัน และฉีดเข็ม 3 ห่างจากเข็มแรก 28 วัน หรือฉีดวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อมีชีวิตอ่อนฤทธิ์ CD-JE VaxTM 1 เข็ม ซึ่งวัคซีนดังกล่าวนิยมใช้มากขึ้นในผู้เดินทาง เนื่องจากมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูง และฉีดเพียง 1 เข็ม สามารถป้องกันโรคได้นาน
12 วัคซีนโรคจากเชื้อนิวโมคอคคัส (Pnc)
  • ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคจากเชื้อนิวโมคอคคัส 2 ชนิด คือ
    • วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบคอนจูเกต (PCV13) ซึ่งครอบคลุมเชื้อนิวโมคอคคัส 13 สายพันธุ์
    • วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบโพลีแซคคาไรด์ (PPSV23) ซึ่งครอบคลุมเชื้อนิวโมคอคคัส 23 สายพันธุ์
  • นักเดินทางที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ ควรได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัสแบบคอนจูเกต (PCV13) 1 เข็ม
  • ในกรณีที่ต้องการรับวัคซีนนิวโมคอคคัสแบบโพลีแซคคาไรด์ (PPSV23) ควรได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัส23 สายพันธุ์ 1 เข็ม และควรฉีดกระตุ้นทุก 5 ปี
13 วัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง
  • ทุกคนที่จะเดินทางไปยังประเทศในแถบแอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยต้องถือเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนไปด้วย เพื่อการตรวจคนเข้าเมือง หรือขอวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ
  • วัคซีนไข้เหลืองเป็นวัคซีนเชื้อมีชีวิตอ่อนฤทธิ์ สามารถฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือเข้าชั้นใต้

 

เพราะการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้โรคติดต่อหรือโรคระบาดสามารถแพร่กระจายข้ามทวีปได้อย่างรวดเร็ว การฉีดวัคซีนเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายจะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรค เที่ยวกับครอบครัวอย่างมั่นใจในครั้งต่อไป อย่าลืมตรวจสอบการฉีดวัคซีนของตนเอง และผู้ร่วมทริปว่าได้รับวัคซีนที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์แล้วหรือยัง รวมถึงการตรวจร่างกายก่อนเดินทาง เพื่อให้การท่องเที่ยวในทริปนั้นไม่สะดุด และหมดสนุกซะก่อน


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...