สาวๆ หลายคนก็อยากมีรอบเอวเล็กๆ เพราะทำให้ใส่เสื้อผ้าได้สวยและมีความมั่นใจมากขึ้น เราจึงอยากแนะนำการทำ VASER ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ขั้นสูง ที่สามารถดูดไขมันโดยไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง นอกจากนั้น VASER ยังช่วยให้ผิวกระชับ และฟื้นตัวเร็วกว่าวิธีเดิมๆอีกด้วย
Vaser LipoSelection เทคโนโลยีใหม่…สลายเฉพาะเซลไขมัน
เทคโนโลยีนี้เป็นการใช้เข็มเล็กเพียง 1-2 มิลลิเมตรเข้าไปปล่อยพลังงานคลื่นเสียง ในระดับความถี่ที่ทำลายเฉพาะแต่กับเซลล์ไขมันเท่านั้น ซึ่งจะทำให้สามารถดูดไขมันออกมาได้ง่าย สามารถเลือกทำลายไขมันอย่างจำเพาะเจาะจง (LipoSelection) โดยไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง ได้ผลเท่ากับการดูดไขมันแต่นุ่มนวลและผลข้างเคียงน้อยกว่า นอกจากนั้น VASER ยังช่วยให้ผิวกระชับและฟื้นตัวเร็ว ทำให้ได้ผลการสลายไขมันที่ดีที่สุด ทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ไม่มีปัญหาเรื่อง ผิวขรุขระ หรือเป็นโพรงเหมือนการดูดไขมันในอดีต
เทคโนโลยีนี้มีข้อดีกว่าวิธีอื่นอย่างไร
การทำ VASER จะมีแผลเปิดเฉพาะที่ชั้นผิวหนังน้อยกว่า 1 ซม. เพื่อให้สามารถสอดท่อ VASER เข้าไปในชั้นไขมันได้ แผลหลังผ่าตัดจึงเป็นเหมือนรอยขีดเล็กๆ ธรรมดาบนผิวเท่านั้น ถือเป็นการผ่าตัดที่ไม่ใหญ่นัก แต่ต้องศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ทีมแพทย์และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคนไข้ โดยข้อดีของวิธีนี้คือ
- เนื่องจากแผลเล็ก จึงเกิดการเสียเลือดและบวมช้ำน้อย ทั้งยังไม่ค่อยเจ็บอีกด้วย
- การบาดเจ็บต่อเส้นเลือดและเส้นประสาทน้อยเพราะคลื่นอัลตราซาวด์มีความจำเพาะกับการสลายไขมันทำให้เพิ่มความปลอดภัย
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล
- เหมาะกับบริเวณที่มีพังผืดเยอะ หรือเป็นการทำในบริเวณที่เคยทำมาแล้ว
- ช่วยสลายไขมันได้มากกว่าวิธีอื่น
- ช่วยให้ผิวเรียบมากกว่าดูดไขมันแบบปกติ
ก่อนทำ Vaser LipoSelection ต้องเตรียมตัวอย่างไร
คนไข้ต้องพบศัลยแพทย์เพื่อเช็คสุขภาพ ลักษณะผิวหนังและไขมันสะสม และวัดขนาดประเมินปริมาณไขมัน ประเมินความหย่อนของผิวหนัง แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวและประวัติการแพ้ยา เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หอบหืด งดยา และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดหยุดช้า อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชม. ควรหลีกเลี่ยงการทำช่วงที่มีประจำเดือน หากความดันสูงควรควบคุมให้อยู่ต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตร ปรอท ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวหรือร่างกายไม่แข็งแรง ไม่ควรดูดไขมันปริมาณมากๆ ในครั้งเดียว เพราะการเสียเลือดมาก ทำให้มีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตได้ นอกจากนี้ควรเตรียมตัวหยุดงานประมาณ 1-2 วัน หากใครที่สูบบุหรี่ แนะให้งดประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
หลังการดูดไขมัน ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
หลังการดูดไขมันผู้รับการรักษาจำเป็นต้องพันผ้ายืดแบบรัดพิเศษเฉพาะส่วน (Compression garment) ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก เพื่อพยุงรัด บริเวณที่ทำการรักษา ทั้งกลางวันและกลางคืน ยกเว้นเวลาอาบน้ำ หลังจากนั้นแนะนำให้ใส่ชุด Body suit เฉพาะเวลากลางวันที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายต่ออีก 4-6 เดือนหรือมากกว่านั้นตามความเห็นของแพทย์ และหลังจากบริเวณที่ดูดไขมันหายบวมแล้ว อาการบวมจะเลื่อนลงไปที่อวัยวะล่าง ควรใส่ชุดกระชับบริเวณที่ดูดไขมันไว้อีก 2 – 6 เดือน เฉพาะเวลากลางวัน โดยสามารถถอดออกได้เวลานอน
ช่วง 1-3 วันแรก แผลผ่าตัดจะมีน้ำเกลือซึมออกมา ถ้าแผลมีน้ำซึมควรทำการเปลี่ยนผ้าก๊อตปิดแผลอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง อาการ บวม รอยเขียวช้ำ อาการเจ็บ ชา หรือรู้สึกแสบร้อนอาจเกิดขึ้นได้ แต่เป็นเพียงชั่วคราวในช่วงแรกหลังการผ่าตัดเท่านั้น
หลังจาก 1-6 เดือนไปแล้ว อาการบวม เขียว ช้ำ ทั้งหมดจะหายไป หรือเร็วช้าขึ้นกับปริมาณไขมันและบริเวณของร่างกายที่ทำ โดยทั่วไปจะสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 2–7 วัน สามารถขับรถได้เมื่อขยับแขนขาได้ตามปกติหลัง หยุดทานยาแก้ปวดแล้ว การทำงานหนักหรือการออกกำลังกาย ควรทำหลังผ่าตัดแล้วอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ผู้รับการรักษาต้องกลับมาตรวจตามนัดในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดและมาตรวจตามแพทย์นัดเป็นสิ่งสำคัญมาก การไม่กลับมาตรวจตามกำหนดอาจส่งผลเสียหลังการรักษาได้ ส่วนระยะเวลาของการพักฟื้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลอาจจะแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ดูดออกและจำนวนบริเวณที่ทำการรักษา ถ้าหากว่าผู้รับการรักษาต้องกลับไปทำงานในวันวันรุ่งขึ้นอาจสามารถไปทำงานได้ แต่ต้องเป็นงานที่ไม่เคลื่อนไหวร่างกายมากนัก
ข้อควรระวังและความเสี่ยงจากการดูดไขมัน
สิ่งที่มักจะเกิดกับคนไข้ที่มาดูไขมันคือ อาการบวม เขียวช้ำ เลือดออกเล็กน้อย ผิวหนังถลอกหรือไหม้ ซึ่งจะหายเองใน 2-6 สัปดาห์ ส่วนการติดเชื้อนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก
เห็นผลทันที หลังการรักษา
คนไข้หลายคนสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้ทันทีหลังการรักษา บางคนอาจต้องรอ 2-4 สัปดาห์เพื่อให้การบวมยุบลง ส่วนความกระชับของผิวจะเห็นผลชัดเจนหลังการรักษา 4-6 เดือน
ทั้งนี้ ผลจะคงอยู่ถาวรหรือไม่นั้น ต้องมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอด้วย
นพ. คณิต วิทยาวนิชชัย
ศัลยแพทย์เฉพาะทาง ด้านศัลยกรรมตกแต่ง
(แพทย์หัวหน้าศูนย์ความงาม)
ศูนย์ความงาม โรงพยาบาลพญาไท 2