ทำไมลูกถึงดื้อและซนแบบนี้นะ นี่คือสาเหตุและวิธีรับมือ...ที่พ่อแม่ควรรู้ไว้!!

ทำไมลูกถึงดื้อและซนแบบนี้นะ นี่คือสาเหตุและวิธีรับมือ...ที่พ่อแม่ควรรู้ไว้!!

เด็ก..กับความดื้อ พ่อแม่หลายๆ คนมักจะคิดว่าเป็นของคู่กัน แต่บ่อยครั้งที่พฤติกรรมต่อต้านของเด็กๆ สร้างความหงุดหงิดและท้อใจให้กับผู้ปกครอง ทำไม..ลูกเราถึงได้ดื้อนัก ไม่เหมือนลูกของคนนั้นของคนนี้ ก่อนที่พ่อแม่จะตั้งคำถามมากมาย มาเรียนรู้เกี่ยวกับสาเหตุของพฤติกรรมความดื้อนี้หน่อยไหม? เผื่อว่า..จะเข้าใจและเตรียมรับมือกับลูกดื้อได้อย่างถูกวิธี

พฤติกรรมเด็กดื้อเด็กซนขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านใดบ้าง

  1. ปัจจัยด้านอายุ ธรรมชาติของเด็กเล็กซึ่งเป็นวัยที่เริ่มสำรวจเรียนรู้สิ่งรอบตัว จะมีลักษณะอยู่ไม่นิ่ง ไม่ทำตามคำสั่ง แต่เมื่อเด็กเริ่มโตโดยเฉพาะเมื่อเป็นวัยรุ่น… เด็กจะมีความคิดเป็นของตนเองมากขึ้น ต้องการเป็นตัวของตัวเอง ต้องการเป็นที่ยอมรับของเพื่อน ทำให้อาจมีลักษณะต่อต้าน ใช้เหตุผลของตนเองสูง ไม่ทำตามคำสั่ง หรือมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย
  2. ปัจจัยด้านอารมณ์ หากเด็กมีนิสัยร้องไห้ตลอด ปลอบยาก กินยาก นอนยาก กินนอนไม่เป็นเวลา..ตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จะรู้สึกว่าเด็กเลี้ยงยาก แต่เพราะเด็กยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ทันทีตามความคาดหวังของผู้ปกครอง พ่อแม่จึงควรปรับตัวเข้าหาเด็กก่อน และใช้ความเข้าใจร่วมกับการปรับพฤติกรรมเด็กอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
  3. ปัจจัยด้านสติปัญญา หากเด็กมีพัฒนาการช้าในด้านการพูด การใช้กล้ามเนื้อของร่างกาย การเดิน การเข้าสังคม  ก็จะทำให้เด็กมีปัญหาในเรื่องการพูดคุย การปรับตัว การแก้ปัญหา การเข้าใจสถานการณ์และบริบทรอบตัว  ส่งผลให้เด็กดูมีปัญหาด้านพฤติกรรมมากขึ้น
  4. ปัจจัยด้านโรคทางจิตเวช โรคทางจิตเวชบางอย่างสามารถเป็นได้ตั้งแต่เด็ก มีผลต่อการแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมของเด็กที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าลูกดื้อ ซน ไม่ร่วมมือ ไม่ตั้งใจ เช่น โรคสมาธิสั้น โรควิตกกังวล หรือ โรคซึมเศร้า เป็นต้น
  5. ปัจจัยด้านการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อม หากการเลี้ยงดูเป็นลักษณะไม่มีกฏกติกา ไม่ได้ฝึกให้เด็กรู้จักขอบเขตพฤติกรรมที่เหมาะสม เด็กจะขาดทักษะการควบคุมตัวเอง เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ที่ต้องยับยั้งใจตัวเอง ทำให้เด็กรู้สึกอึดอัดง่าย ความอดทนน้อย จึงทำตามใจตนเองค่อนข้างมาก

เมื่อลูกดื้อ ลูกซน พ่อแม่ควรรับมือด้วยวิธีเหล่านี้…

  1. สื่อสารให้ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมไปมา พูดกระชับ เพื่อให้ผู้ฟังรูว่ากำลังพูดถึงตนเองอยู่ เช่น แม่อยากให้ลูกทำแบบนี้ โดยต้องแน่ใจก่อนว่าเด็กพร้อมและมีสมาธิในการรับฟัง และตรวจสอบว่าเด็กเข้าใจหรือไม่ เพื่อไม่ให้การสื่อสารผิดพลาด และสามารถปฏิบัติตามได้มากขึ้น
  2. ถ้าในสถานการณ์ที่เด็กไม่พร้อม เช่น กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่น หรือเด็กยังไม่สงบพอ เช่น เด็กกำลังโกรธ ผู้ปกครองควรจัดการให้เด็กมีความพร้อมในการฟังก่อน ค่อยอธิบายว่าผู้ปกครองเข้าใจความรู้สึกเด็กว่าเป็นอย่างไร และเพราะอะไจึงต้องขัดใจ พร้อมให้คำแนะนำว่าเด็กควรทำอย่างไรจึงเหมาะสม
  3. ควรมีกติกาที่ตกลงร่วมกันในครอบครัว เป็นกติกาที่ทุกคนน่าจะทำได้ตามความเหมาะสมของช่วงอายุและเพศ โดยปฏิบัติตามกติการ่วมกันทุกคนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเป็นประจำ และมีการตกลงร่วมกันหากมีการเปลี่ยนแปลงกติกาในอนาคตเพื่อให้เหมาะสมกับอายุที่เพิ่มขึ้น
  4. ลดความคาดหวังของพ่อแม่ เพราะการคาดหวังให้เด็กทำอะไรที่ยากกว่าวัยหรือความสามารถของเด็ก จะทำให้เด็กไม่ร่วมมือ จนผู้ปกครองอาจคิดว่าเด็กไม่เชื่อฟัง หรือดื้อ การลดความคาดหวังบางอย่างลงและตั้งเป้าหมายใหม่…เด็กจะให้ความร่วมมือมากขึ้น จากนั้นผู้ปกครองจึงค่อยตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายความสามารถเด็กมากขึ้นแต่ไม่ยากเกินไป พร้อมทั้งคอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำบางส่วน เพื่อให้เด็กสามารถแก้ปัญหาและทำเองได้ในที่สุด

การสร้างความสมดุลระหว่างการแสดงความรัก ความห่วงใย และการมีกติกา กฎเกณฑ์ระเบียบ ทำให้ลูกเรียนรู้ว่าอยู่ในครอบครัวที่มีความรัก ความเอาใจใส่  และเด็กก็ต้องมีบทบาทหน้าที่ที่ต้องควบคุมตนเองด้วย ช่วยให้เด็กมีการพัฒนาด้านสติปัญญา การแก้ปัญหาและจัดการอารมณ์ของตนเองเมื่ออยู่ร่วมในสังคม และเด็กจะมีความภูมิใจตนเองมากยิ่งขึ้น

 

พญ. ชนม์นิภา แก้วพูลศรี
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์สาขาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น
ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลพญาไท 2


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...