TACE ย่อมาจากคำว่า Trans Arterial Chemo Embolization หมายถึง การรักษามะเร็งตับอีกวิธีหนึ่งในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยการรักษาด้วยวิธีการให้เคมีบำบัดเฉพาะทางที่ผ่านทางหลอดเลือดแดง ที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งตับโดยตรง แล้วอุดกั้นหลอดเลือดนั้นเพื่อไม่ให้เลือดไปเลี้ยงก้อนเนื้องอก
ขั้นตอนการทำ TACE
การตรวจรักษาต้องกระทำในห้องเอ็กซเรย์หลอดเลือดโดยการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณขาหนีบ และใส่สายสวนไปในหลอดเลือดแดงที่ตับ โดยแพทย์สามารถมองเห็นสายสวนเคลื่อนไปตามหลอดเลือดได้จากจอรับภาพจากเครื่องเอ็กซเรย์เมื่อสายสวนเคลื่อนไปยังจุดที่ต้องการ จึงทำการฉีดสารทึบรังสีเพื่อดูพยาธิสภาพอและลักษณะของหลอดเลือด จากนั้นจึงให้ยาเคมีบำบัดผสมสารทึบรังสี ฉีดเข้าบริเวณก้อนเนื้องอกและทำการอุดกั้นหลอดเลือดจนกระทั่งไม่มีเลือดไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง
การทำ TACE มีประโยชน์ต่อคนไข้มะเร็งตับอย่างไร
- ก้อนมะเร็งถูกทำลายโดยตรงจากยาเคมีบำบัดและจากการขาดเลือดไปเลี้ยง
- ปริมาณของยาเคมีบำบัดที่ใช้ปริมาณน้อยทำให้ลดผลข้างเคียงต่อร่างกายส่วนอื่น ๆ
แล้วผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนล่ะ..มีไหม?
ผลค้างเคียงที่พบได้บ่อย คือ อาจมีห้อเลือดบริเวณที่เจาะเส้นเลือดซึ่งพบในช่วงวันแรก ๆ แล้วจะค่อยๆ หายไปได้เอง หรืออาจมีภาวะอุดกั้นหลอดเลือด (Post embolized syndrome) คือ อาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ พบได้ประมาณ 40% มักเกิดในช่วง 2-3 วันแรกและหายไปในประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่อาจพบได้เช่น ท้องมาน 4-20%, ถุงน้ำดีอักเสบ 1-11 % หรือ ฝีในตับ 2-5%
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจรักษา
- ผู้ป่วยต้องทำการเจาะเลือดเพื่อดูผลการทำงานของตับ การแข็งตัวของเลือด เกล็ดเลือด ภาวะการทำงานของไต ผลเลือดติดตามเนื้องอก(AFP)
- ผู้ป่วยได้รับการตรวจประเมินรอยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์(CT) , อัลตร้าซาวด์หรือเครื่องตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) และอาจมีการตรวจชิ้นเนื้อมาก่อน
- งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนทำการตรวจ
- ผู้ป่วยจะได้รับการเตรียมตัวเพื่อทำความสะอาดโกนขนบริเวณขาหนีบที่จะใส่สายสวน
- ผู้ป่วยจะได้รับการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำในวันที่ทำการตรวจ
ขณะทำการตรวจรักษา
- ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจวัดสัญญาณชีพเป็นระยะ ๆ ขณะทำการตรวจรักษาและหลังการตรวจรักษา
- อาจได้รับยาอื่น ๆ ตามแผนการรักษา
- ขณะทำการตรวจรักษาอาจมีอาการปวดจุกแน่นท้องได้บ้าง แต่ไม่รุนแรง ซึ่งถ้ามีอาการดังกล่าวสามารถแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ ภายในห้องตรวจรักษาได้
การดูแลภายหลังการรักษา
- ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจสัญญาณชีพเป็นระยะหลังการตรวจรักษาจนกว่าอาการปกติ
- สังเกตบริเวณปลายเท้าถ้ามีอาการเจ็บ บวม เย็น สีคล้ำ คลำชีพจรไม่ได้ให้แจ้งแพทย์พยาบาล
- ถ้าทำหัตถการผ่านหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบจำเป็นต้องนอนราบบนเตียง ห้ามงอขาข้างที่ทำ ห้ามลุกนั่ง ห้ามเดินอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- สังเกตอาการเลือดออกบริเวณแผล ถ้าพบรีบรายงานแพทย์พยาบาลทันที
- ภายหลังการตรวจ 2 ชั่วโมงถ้าไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนให้ทานอาหารได้
การปฏิบัติตนเมื่อกลับบ้านภายหลังการรักษา
- สามารถออกกำลังกายได้ แต่ไม่ควรหักโหม
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย
- งดรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง แอลกอฮอล์
- ทำจิตใจให้ผ่องใสไม่เครียด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ