หนึ่งวันก็มี 24 ชม. เท่าเดิม แต่ทำไมเดี๋ยวนี้จะทำอะไรก็ต้องเร่งรีบไปหมด พอรีบๆ ก็จะเกิดการหลงลืมสิ่งต่างๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่แก่ซะหน่อย พอขี้ลืม เพื่อนก็จะบอกว่า “สงสัยจะเป็นอัลไซเมอร์แน่เลย” ซึ่งมันม่ายช่ายยย!…. เพราะจริงๆ แล้วโรคอัลไซเมอร์ต้องมีอาการอื่นๆ อีกมากมาย แล้วก็มีอีกหลายโรคที่จะมีอาการคล้ายๆ กัน
1. โรคอัลไซเมอร์คืออะไรกันแน่
โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของสมองอย่างช้าๆ โดยมีผลกระทบต่อความจำ การใช้ภาษา ความคิด และพฤติกรรม เมื่อเป็นมากขึ้นจะส่งผลต่อการดำรงชีวิตถึงขั้นไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันที่เคยทำเป็นประจำได้ เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน ขับถ่าย และหากเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็จะถึงกับต้องมีผู้ดูแลตลอดเวลา
2. โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์เป็นภาวะปกติในคนแก่ใช่ไหม
ไม่ใช่… โรคอัลไซเมอร์เกิดจากความผิดปกติในเซลล์สมอง ไม่ใช่เป็นการขี้ลืมแบบที่ผู้สูงวัยมักเป็น และคนแก่ทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นอัลไซเมอร์ การสะสมของสารบางอย่างในสมองส่งผลให้การถ่ายทอดสื่อประสาทระหว่างเซลล์สมองบกพร่อง โดยในระยะแรกจะเกิดความผิดปกติที่สมองด้านการจดจำ จากนั้นจะลุกลามไปยังสมองส่วนอื่นๆ และทำให้เกิดการตายของเซลล์ประสาทส่วนนั้นๆ เมื่อสมองส่วนใดเสื่อมหรือตายลงก็จะส่งผลกระทบต่อระบบการสั่งงานในร่างกายที่สมองส่วนนั้นควบคุมอยู่
3. จะเริ่มเป็นอัลไซเมอร์เมื่ออายุเท่าไหร่
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 65 ปีขึ้นไป แต่ก่อนที่จะแสดงอาการให้เห็นนั้น ผู้ป่วยมักมีความผิดปกติทางสมองมาระยะหนึ่งแล้ว แต่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในบางรายอาจจะมีความผิดปกติของสมองมานานกว่า 10 ปี กว่าอาการของโรคจะปรากฎ
4. โรคอัลไซเมอร์มีอาการอย่างไร
ในระยะแรกผู้ป่วยยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้เอง แต่จะเริ่มมีอาการด้านความจำ เช่น มักจำเรื่องต่างๆ ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เพิ่งพูดหรือทำไป เวลาพูดคุยก็มักจะพูดซ้ำๆ ถามซ้ำๆ ในเรื่องเดิมๆ จะเริ่มเรียกชื่อสิ่งของไม่ถูกแต่รู้ว่าสิ่งนั้นมีไว้ทำอะไร เช่น เรียก “รถยนต์” ไม่ถูก แต่รู้ว่ามีไว้สำหรับเป็นพาหนะในการเดินทาง เริ่มสับสนทิศทาง ตัดสินใจเดินไปไม่ถูกทาง ต่อมาผู้ป่วยจะบกพร่องในการดูแลตัวเอง เริ่มไม่ใส่ใจตัวเอง ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ เสียความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นใกล้ๆ มากขึ้น เช่น จำไม่ได้ว่าทานข้าวไปแล้ว ใช้ภาษาผิดพลาดมากกว่าเดิม เรียกชื่อคนผิดๆ ถูกๆ เริ่มเห็นภาพหลอน และในระยะท้ายสุด ผู้ป่วยจะมีการเคลื่อนไหวร่างกายจะน้อยลงหรือนอนติดเตียง ความเฉลียวฉลาดหรือความจำจะแย่ลงมาก มักเฉยเมยไม่สนใจอะไรเลย ถึงขนาดจำคนใกล้ชิดไม่ได้ และอาจจำชื่อตัวเองไม่ได้ด้วย อาจมีพฤติกรรมทางอารมณ์รุนแรง ขว้างปาสิ่งของ อารมณ์แปรปรวน จนต้องมีผู้คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
5. สงสัยว่าญาติเป็นโรคอัลไซเมอร์จะทำอย่างไร
เมื่อพบว่าญาติผู้สูงอายุมีอาการขี้หลงขี้ลืม ควรพามาพบคุณหมอเพื่อตรวจว่ามีลักษณะของโรคอัลไซเมอร์หรือเปล่า คุณหมอจะซักถามอาการ ทดสอบความจำ และทักษะที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหา การคำนวณ และการใช้ภาษา ถ้าจำเป็นก็จะส่งตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) สมองด้วย
6. อาการหลงลืม เบื่อหน่าย เชื่องช้า เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือไม่
ไม่จำเป็น อาจเป็นโรคอื่นๆ ก็ได้ การตรวจโดยคุณหมอที่เชี่ยวชาญจะสามารถบอกได้ว่า น่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายๆ กัน เช่น โรคของต่อมไทรอยด์ โรคหลอดเลือดสมองเรื้อรัง เนื้องอกในสมอง ภาวะซึมเศร้า หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด ซึ่งบางกรณีอาจต้องเจาะเลือดตรวจเพิ่มเติม เพื่อจะได้รักษาให้ตรงกับโรคต่อไป
7. มีพ่อหรือแม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคนี้หรือไม่
หลักฐานทางการแพทย์ระบุถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ลูกมีโอกาสเป็นโรคนี้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรค คือยีนส์ที่เรียกว่า APOE gene ซึ่งถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตามผู้ป่วยกลุ่มนี้มักเกิดอาการของโรคอัลไซเมอร์เมื่ออายุไม่มากนัก คือระหว่าง 30-60 ปี
8. โรคอัลไซเมอร์รักษาได้หรือไม่
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการหรือยาที่จะรักษาให้หายขาดได้ การใช้ยาจะช่วยในการคงความสามารถด้านสติปัญญาและควบคุมพฤติกรรมบางอย่างได้ตั้งแต่ 2-3 เดือนจนถึง 2-3 ปี แต่คุณหมออาจใช้ยาอื่นเสริมเพื่อควบคุมอาการบางอย่าง เช่น ปัญหาการนอนหลับ อาการซึมเศร้า อาการก้าวร้าว หวาดระแวง การดูแลจากญาติพี่น้องก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการดูแลผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและการลุกลามของโรคช้าลง
9. ควรรีบดูแลรักษาตั้งแต่ระยะต้นๆ หรือไม่
ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพราะนอกจากการรักษาด้วยยาจะช่วยคงหรือยืดความสามารถด้านสติปัญญาได้ระยะหนึ่งแล้ว ความร่วมมือระหว่างคุณหมอ พยาบาล และญาติผู้ผู้ป่วย จะให้ผลดีในด้านการวางแผนการใช้ชีวิต การดูแลสุขภาวะโดยรวม และอาจช่วยให้สามารถวางแผนด้านการเงินหรือด้านกฎหมายบางอย่างเกี่ยวกับผู้ป่วยได้ เพราะในระยะแรกผู้ป่วยยังมีสติเป็นปกติ สามารถเตรียมความพร้อมและรับทราบอาการของตนเอง ผู้ป่วยสามารถให้ความร่วมมือในการรักษาได้ดี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Phyathai Call Center 1772