หวานมันเค็ม กินทุกวันหลอดเลือดสมองพัง

เครือพญาไท

1 นาที

ศ. 27/03/2020

แชร์


Loading...
หวานมันเค็ม กินทุกวันหลอดเลือดสมองพัง

รู้ไหมว่า… สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราป่วยนั้น ก็คือการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม เรารู้ดีว่าการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามสัดส่วนที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ดี หากเพิ่มการเลือกกินข้าวและธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เพิ่มการกินผัก เลือกกินผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารสูงและไม่หวานจัด ก็จะยิ่งช่วยควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ แต่สำหรับใครที่ต้องการหลีกเลี่ยงและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อาจจะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการเลือกกินอาหารให้มากขึ้นอีก

 

เค็มจัดต้องขจัดเกลือ

หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม และอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว ผงชูรส ผงปรุงรส และเครื่องพริกแกงต่างๆ หรือแม้แต่อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่เค็ม ไส้กรอก ขนมถุงกรุบกรอบ อาหารดองเค็ม อาหารแช่อิ่ม อาหารตากแห้ง อาหารเหล่านี้มักแฝงไปด้วยเกลือ หากเป็นไปได้ควรปรุงอาหารกินเองที่บ้าน หลีกเลี่ยงการกินอาหารตามสั่ง หรืออาหารถุงพลาสติก อาหารกล่อง เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ขายจะใส่เครื่องปรุงรสที่มีเกลือในปริมาณมาก การกินอาหารที่มีเกลือสูงเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และเมื่อความดันโลหิตสูงก็จะทำให้เกิดหลอดเลือดแข็ง ตีบ และตันในที่สุด

 

หวานจัดน้ำตาลเยอะเลอะสมอง

หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ขนมหวาน ผลไม้หวานจัด หากชอบดื่มชา กาแฟ ควรปรับลดความหวานเป็นชาไม่ใส่น้ำตาล หรือกาแฟดำ ไม่เติมน้ำตาลปรุงรสในปรุงอาหาร ในก๋วยเตี๋ยว เพราะเมื่อกินอาหารหวานมากเกินไป ร่างกายจะได้รับพลังงานสูงและเผาผลาญไม่หมดจนเกิดการสะสม ทำให้มีน้ำหนักตัวเกิน ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก่อให้เกิดโรคเบาหวาน ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง และทำให้หลอดเลือดสมองตีบตันได้

 

ไขมันอิ่มตัว ต้องกลัวไว้ก่อน

ไขมันอิ่มตัว มีมากในไขมันสัตว์และพืช เช่น น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม รวมถึงอาหารอื่นๆ ทั่วไป เช่น นมและผลิตภัณฑ์นม เนย มาการีน ขนมปัง ครีมเทียม โกโก้ ช็อกโกแลต ไขมันพวกนี้จะเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลในเลือดให้สูงขึ้น ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัวและตีบเนื่องจากการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือด หากจำเป็นต้องใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร ควรใช้น้ำมันชนิดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันเมล็ดคำฝอย ใช้น้ำมันมะกอกในการทำน้ำสลัด  รวมถึงเพิ่มการทานปลาที่มีโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยให้มีไขมันดีในเลือดมากขึ้น

 

หากป่วยแล้วต้องกินอย่างไร

แต่สำหรับคนที่ป่วยแล้ว นอกจากต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายสุขภาพ ยังควรกินอาหารให้ถูกวิธี เช่น ในระหว่างกินอาหารต้องมีสมาธิ เพื่อให้กินได้มากขึ้น ไม่สำลักง่าย กินแบบไม่ต้องเร่งรีบ ค่อยๆ เคี้ยว ค่อยๆ กลืน การปรุงอาหารก็หั่นให้เล็กพอดีคำ ปรุงให้สุกและไม่แข็งเกินไปเพื่อให้กินง่าย กินเสร็จก็ควรบ้วนปาก แปรงฟัน ไม่ให้มีเศษอาหารตกค้าง โดยเฉพาะช่องปากด้านที่อ่อนแรง ควรดื่มน้ำหลังรับประทานอาหาร อาจใช้หลอดดูดหรือใช้ช้อนป้อนให้ดื่มทีละน้อยแต่บ่อยๆ และควรมีผู้ดูแลคอยช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น

 

นั่งนอนให้ดีขณะกินอาหาร

หากผู้ป่วยยังกินอาหารเองได้ ควรจัดอุปกรณ์ที่จำเป็นให้สะดวก ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือนอนศีรษะสูง ก้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อป้องกันการสำลัก ควรจัดที่นั่งแบบพื้นเรียบไม่ยืดหยุ่น เพื่อการทรงตัวที่ดีไม่ลื่นไหล สามารถวางเท้าราบบนพื้น เข่างอได้ 90 องศา มือวางบนโต๊ะ ลำตัวอยู่ในท่าสมดุล และจัดวางอาหารให้อยู่ในระดับที่สายตาผู้ป่วยมองเห็นได้ชัด ส่วนการกินในท่านอน ให้จัดสะโพกและเข่างอนิดหน่อย และก้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยขณะกิน

ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่ต้องใส่ใจในการกินอาหาร เพื่อให้มีสุขภาพดีทั้งผู้ที่ยังไม่ป่วยและผู้ที่ป่วยแล้ว หวังว่าทุกคนจะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้กินดีมีสุขกันไปนานๆ นะ

 

อย่างไรก็ตาม นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีมลภาวะ และรู้จักผ่อนคลายความเครียดในการทำงาน ก็จะช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ได้ด้วย หากให้ดีไปกว่านั้น ควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้เราทราบถึงสุขภาพของตนเอง และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้มีสุขภาพดีไปนานๆ

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Phyathai Call Center 1772 


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...