โรคกระดูกพรุนเปรียบเสมือนภัยเงียบที่อยู่กับผู้สูงอายุทุกคนโดยเฉพาะสตรีสูงอายุ เพราะโรคนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดนอกจากกระดูกแตกหรือหัก สาเหตุของโรคนี้คือการสูญเสียแคลเซียมในกระดูก ทำให้กระดูกบางลงโดยเมื่ออายุมากกว่า 50 ปี กระดูกจะบางลง 1-3% ทุกปี… โดย ศ.นพ.ธไนนิธย์ โชตนภูติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดิกส์ เฉพาะด้านข้อเทียม สถาบันกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพญาไท 2 จะมาบอกเล่าถึงโรคนี้

กระดูกพรุน… โรคที่ชาวเอเชีย “เสี่ยง” ร่วมกัน

คุณหมอธไนนิธย์ บอกว่า ต้องยอมรับว่าการออกกำลังกายน้อย ปริมาณวิตามินดีต่ำเพราะไม่ถูกแสงแดด และรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมน้อย เป็นปัจจัยที่นำไปสู่โรคกระดูกพรุนซึ่งทุกคนในทวีปเอเชียมีความเสี่ยงร่วมกัน ขณะที่คนแถบเอเชียจะนั่งๆ นอนๆ แต่ในแถบตะวันตกนั้นขยันออกกำลังกายมากกว่า ฉะนั้นความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนจึงสูงกว่า โดยเฉพาะผู้หญิง

เพราะอะไร… สตรีสูงอายุจึงเสี่ยงกระดูกพรุนมากกว่า

เมื่ออายุมากขึ้นกระดูกจะบางลง และเหตุที่ผู้หญิงเสี่ยงมากกว่าเพราะ เมื่อหมดประจำเดือนแล้วจะสูญเสียฮอร์โมนเพศหญิง โดยผู้หญิงที่อายุมากกว่า 60 ปีจะป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน 25% อีกกลุ่มคือผู้หญิงที่ประจำเดือนหมดเร็วหรือผ่าตัดรังไข่ทิ้งก่อนอายุ 45 ปี

การตรวจมวลกระดูก… ง่าย ได้ผลดี และไม่ยุ่งยาก

คุณหมอธไนนิธย์ บอกว่า การตรวจมวลกระดูกในปัจจุบันทำได้ง่าย โดยใช้เครื่องวิธีเอกซเรย์แบบ Dual-energy X-ray absorbtiometry (DEXA) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็เสร็จแล้ว ขั้นตอนการตรวจไม่ยุ่งยาก ง่าย และได้ผลดี คนไข้ต้องตรวจบ่อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพกระดูก หากสภาพกระดูกยังดี อีก 4-5 ปีค่อยตรวจอีกครั้งก็ได้ หากใครที่ค่ากระดูกต่ำแล้วต้องรักษา อาจต้องมาตรวจทุกปี ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้มีสภาพกระดูกแบบไหน

เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ได้รับวิตามินดีและแคลเซียมอย่างเพียงพอ และควรตรวจค่ากระดูกพื้นฐานไว้บ้าง ว่าเราต้องปรับพฤติกรรมอะไรเพื่อให้กระดูกแข็งแรงหรือเปล่า

ศ. นพ. ธไนนิธย์ โชตนภูติ

ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลัง

ศูนย์กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพญาไท 2

กระดูกพรุน... โรคที่สตรีสูงอายุเสี่ยงมากกว่า