เรื่องของดวงตา…ต้องยอมรับเลยว่ายิ่งสูงวัยอาจยิ่งใช้การได้ดีน้อยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ถ้าเราไม่ถนอมสายตาแต่เนิ่นๆ ล่ะก็ อาการของต้อต่างๆ มาเยือนแน่นอน มาดูกันว่าอาการของตาและการมองเห็นแบบนี้ คือจุดเริ่มต้นของโรคต้อชนิดไหนกัน หากรู้แล้วรีบตรวจรักษา จะได้ยืดอายุการใช้ดวงตาไปได้อีกนานแสนนาน ถึงแม้จะสูงวัยก็เถอะนะ
ต้อกระจก
เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดขึ้นแบบช้าๆ และสะสมจะเด่นชัดเมื่ออายุมากขึ้น อาการของต้อกระจกจึงเป็นอาการตาค่อยๆ มัวอย่างช้าๆ มองเห็นไม่ค่อยชัด แต่อาการที่เด่นชัดคือจะมองไม่เห็นเลยเมื่อเจอแสงจ้าหรือแสงแดด แต่หากอยู่ในที่มืดสลัวๆ กลับมองเห็นชัดเป็นปกติ นั่นเป็นเพราะม่านตาจะขยายใหญ่ทำให้แสงเข้าได้มากขึ้น หากเป็นมากอาจมองเห็นฝ้าขาวที่กลางรูม่านตา
ต้อหิน
เป็นโรคที่เกิดจากความดันในลูกตาเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้มีอาการปวดตาเหมือนโดนบีบลูกตา ตาแดง บวมและเกิดการอักเสบ อาจปวดจนคลื่นไส้อาเจียน มองเห็นภาพเบลอ ไม่คมชัด เห็นรายละเอียดของภาพไม่ชัดเจน มองเห็นเป็นแสงสว่างรัศมีสีรุ้งที่เปล่งออกมารอบแหล่งกำเนิดแสง และหากเป็นต้อหินเฉียบพลัน จะมี 3 อาการที่ชัดเจนคือปวดตา ตาแดง และตามัว ถ้าปล่อยเอาไว้นานไม่รักษา จะพบว่าสายตาเริ่มมีจุดบอดหรือ Blind spot หากจุดนี้จะขยายใหญ่ขึ้นจนเต็มลานตาอาจทำให้ตาบอดได้
ต้อลม/ต้อเนื้อ
เป็นต้อที่เกิดจากการที่ตาโดนแสง ฝุ่นควันมาเป็นเวลานานจนเกิดพังผืดในตา เป็นไปได้ที่จะไม่เกิดอาการอะไรเลย หรืออาจมีอาการตาแดง บวมคันตา เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล และจะมีอาการตามัวก็ต่อเมื่อต้อเนื้อนั้นลามเข้ามาส่วนกระจกตาแล้ว เท่านั้น ดังนั้นต้อลมและต้อเนื้อจึงเป็นโรคต้อที่เราควรตรวจตาเพื่อหาความเสี่ยงบ่อยๆ เพื่อการรักษาได้ทันแต่เนิ่นๆ ในผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง และตาต้องโดนแสงแดดฝุ่นควันอยู่เสมอ
จอประสาทตาเสื่อม
มีอาการที่อาจทำให้เราเข้าใจผิดว่าเป็นต้อได้ แต่ความจริงอาการเหล่านี้คือภาวะจอประสาทตาเสื่อม เช่น การมองไม่ชัดตอนกลางคืน หรือสายตาปรับเข้ากับความมืดไม่ได้ มองภาพตรงกลางไม่ชัด เห็นเป็นจุดดำหรือวงสีเทาตรงกลางภาพ ภาพที่เห็นมีความบิดเบี้ยว มัว หรือ เบลอ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที