อาการไอ…เป็นกลไกการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งผิดปกติในทางเดินหายใจอย่างหนึ่ง เป็นกลไกการป้องกันร่างกายโดยการกำจัดเชื้อโรค เสมหะหรือสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ ซึ่งอาการไอเริ่มจากการที่มีสิ่งกระตุ้นตัวรับสัญญาณการไอ หรือมีสารระคายเคืองในบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง ได้แก่ ช่องหูและเยื่อบุแก้วหู จมูก โพรงอากาศข้างจมูกหรือไซนัส โพรงหลังจมูก คอหอย กล่องเสียง หลอดลม ปอด กระบังลม และเยื่อหุ้มปอด นอกจากนี้ยังพบตัวรับสัญญาณการไอบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจและกระเพาะอาหารด้วย
อาการไอ…แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. ไอเฉียบพลัน
ไอเฉียบพลัน คือ การไอที่มีระยะเวลาของอาการน้อยกว่า 3 สัปดาห์ สาเหตุมักเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หวัด โพรงไซนัสอักเสบฉับพลัน หลอดลมอักเสบ อาการกำเริบของโรคถุงลมโป่งพอง ปอดอักเสบ หรือสัมผัสกับสารระคายเคืองในสิ่งแวดล้อม เช่น ควันบุหรี่ ควันไฟ กลิ่นสเปรย์ แก๊ส มลพิษทางอากาศ
2. ไอเรื้อรัง
ไอเรื้อรัง คือ การไอที่มีระยะเวลาของอาการมากกว่า 3 สัปดาห์ ถึง 8 สัปดาห์ สาเหตุมักเกิดจากโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง รับประทานยารักษาความดันโลหิตสูงชนิด ACEI เป็นระยะเวลานาน โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง การใช้เสียงมากทำให้เกิดสายเสียงอักเสบเรื้อรัง เนื้องอกบริเวณคอ โรคของสมองส่วนที่ควบคุมการไอ วัณโรคปอด ในบางรายอาจมีสาเหตุมากกว่าหนึ่งชนิด ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
อาการไอเรื้อรัง…อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยเหล่านี้!
- ภาวะภูมิไวเกินของทางเดินหายใจ
- โรคหอบหืด
- ได้รับควันบุหรี่
- ภาวะกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารเข้าสู่หลอดอาหาร
- สิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ
- โรคหลอดลมโป่งพอง
- โรคภูมิแพ้
- วัณโรค
- ภาวะทางจิตใจ
- ไซนัสอักเสบ
- มะเร็งปอด
แม้ว่าอาการไอจะไม่ได้เกิดจากโรคร้าย…แต่ก็มีผลเสียอยู่นะ
- ทำให้เสียบุคลิกภาพในการอยู่ร่วมในสังคมต่างๆ เป็นที่รำคาญหรือเป็นที่รังเกียจ และยังอาจแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
- รบกวนการรับประทานอาหาร และรบกวนการนอนหลับ
- ในกรณีที่ผู้ป่วยอายุมาก การไอมากๆ อาจทำให้กระดูกอ่อนซี่โครงหัก, ถุงลมหรือเส้นเลือดฝอยในปอดแตกออกสู่โพรงเยื่อหุ้มปอด, เกิดภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด, เลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือ เกิดอาการหอบเหนื่อยและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- มีผลเสียต่อการผ่าตัดตาและหู เช่น การผ่าตัดต้อกระจก การไออาจทำให้เลนส์แก้วตาเทียมที่ใส่ไปในลูกตาหลุดออกได้ หรือการผ่าตัดปะเยื่อแก้วหู การไออาจทำให้เยื่อแก้วหูเทียมที่วางไว้เคลื่อนที่ออกมาได้
โรคบางโรค…รู้ได้ด้วยการสังเกตจากอาการไอ
- หวัด จะมีอาการไอร่วมกับคัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ และมีไข้
- ปอดบวม ไอ หอบ มีไข้ และมีอาการเจ็บหน้าอกขณะหายใจเข้า
- หอบหืด ไอ หอบ และมีเสียงหวีดในทรวงอก เป็นๆหายๆ มักเป็นตอนเช้ามืด หรือตอนดึก
- วัณโรคปอด มีอาการไอร่วมกับมีไข้ในตอนบ่าย และมีเหงื่อออกมากในตอนเย็น ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไอมีเสมหะแทบทุกวัน ต่อเนื่องกันมากกว่า 3 เดือน และมีอาการเช่นนี้อย่างน้อย 2 ปี ติดต่อกัน ในผู้ที่สูบบุหรี่มานาน
- มะเร็งปอด ไอมานาน เสมหะไม่ค่อยมาก อาจมีเลือดปนเสมหะ มักจะไม่มีไข้
- หลอดลมโป่งพอง ไอ เสมหะข้นเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น อาจมีเลือดปน และเป็นมานานนับปี
- โรคกรดไหลย้อน ไอเวลานอน รู้สึกมีน้ำเปรี้ยวในคอ อาจมีความรู้สึกแสบหน้าอกด้วย
- โรคหัวใจล้มเหลว ไอและหอบเมื่อนอนราบ เมื่อลุกขึ้นนั่งจะดีขึ้น
อาการไอรักษาให้หายได้…หากรู้สาเหตุ
- ถ้าผู้ป่วยไอจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนหรือล่าง และมีอาการไอไม่มากนัก อาจให้การรักษาเบื้องต้น เช่น ยาบรรเทาอาการไอไปก่อนได้ ในกรณีที่ไอมีเสมหะ…แบบเหนียวข้นมาก การให้ยาละลายเสมหะจะช่วยให้เสมหะถูกขับออกได้ง่ายขึ้นและบรรเทาอาการไอได้ แต่หากผู้ป่วยได้รับยาดังกล่าวแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางใหม่ต่อไป
- หากมีอาการของการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เสมหะมีสีเหลืองหรือเขียว แพทย์อาจให้ยาต้านจุลชีพร่วมด้วย
- ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยเด็กที่มีอาการไอเรื้อรังสามารถค้นหาสาเหตุได้ และผลการรักษาขึ้นกับโรคที่ผู้ป่วยเป็น รวมทั้งความรุนแรงของโรคในขณะนั้น
พบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 1 อาคาร A
โรงพยาบาลพญาไท 2
โทร. 02-617-2444 ต่อ 4104, 4106
Phyathai Call Center 1772