การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีในปัจจุบันนั้นมีความทันสมัยและรวดเร็วประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการผ่าตัดแบบเดิมๆ ผู้ป่วยสามารถมั่นใจในเครื่องมือที่ทันสมัย มีคุณภาพที่ดีขึ้นหลังเข้ารับผ่าตัด….
ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะในช่องท้องมีลักษณะเป็นกระเปาะ ที่พักจากตับเพื่อส่งต่อไปยังลำไส้เล็กเพื่อย่อยอาหารจำพวกไขมัน โดยนิ่วในถุงน้ำดีนั้นเกิดจากการตกผลึกของคอเลสเตอรอลเป็นส่วนใหญ่
ปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้างที่ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- อายุเกิน 40 ปี
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอ้วน เบาหวานและโรคเลือด
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
มีอาการอย่างไรบ้าง
- ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ปวด จุก แน่นบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือลิ้นปี่มักเกิดในเวลาหลังรับประทานอาหารและจะทุเลาลงหลังจากนั้นประมาณ 2 ชม.
- อาจมีอาการตาเหลือง ตัวเหลืองและมีไข้ เนื่องจากเกิดภาวะท่อน้ำดีอุดตันหรือเกิดจากการอักเสบของถุงน้ำดีและอวัยวะใกล้เคียง
การตรวจวินิจฉัย
- การซักประวัติอาการและการตรวจร่างกาย
- การตรวจเลือดดูการทำงานของตับ
- การทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบน
- การส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography: ERCP) จะทำในกรณีที่สงสัยว่ามีนิ่วในท่อน้ำดี
- การใช้เข็มเจาะผ่านตับเข้าไปในท่อน้ำดี (percutaneous transhepatic cholangiography: PTC) จะทำในกรณีท่อน้ำดีอุดตัน
การเข้ารับการรักษา
การผ่าตัดเป็นการรักษาที่ได้ผลถาวรจะไม่เกิดนิ่วในถุงน้ำดีอีกต่อไปและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงโดยการตัดถุงน้ำดีออก
- การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (Open cholecystectomy) จะทำให้กรณีที่ถุงน้ำดีมีการอักเสบมากหรือแตกทะลุในช่องท้อง แพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณท้องตำแหน่งใต้ชายโครงขวายาวประมาณ 10 ซม.
- การผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic cholecystectomy) จะทำในผู้ป่วยรายที่ไม่มีภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ยกเว้นกรณีที่มีการอักเสบรุนแรง เป็นหนองหรือ ในรายที่แพทย์สงสัยว่าอาจมีภาวะตับอ่อนอักเสบร่วมด้วย จะพิจารณาการผ่าตัดโดยการเปิดหน้าท้องแทน
วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic cholecystectomy)
แพทย์จะทำการเจาะบริเวณหน้าท้องเป็นรูเล็กๆขนาดประมาณ 0.5-2 ซม.จำนวน 3-4 รู จากนั้นใส่กล้องที่เป็นแท่งยาวๆและเครื่องมือผ่าตัดผ่านรูลงไป เพื่อให้กล้องผ่านเครื่องรับสัญญาณและแสดงภาพที่จอ แพทย์จะทำการผ่าตัดผ่านทางจอโทรทัศน์ได้ชัดเจนและแพทย์ดึงถุงน้ำดีผ่านทางเครื่องมือออกมา
ข้อดีของการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
ผู้ป่วยจะใช้เวลาอยู่โรงพยาบาลเพียง 1-2 วันเท่านั้น หากเปรียบเทียบการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องผู้ป่วยจะใช้เวลาพักฟื้นนานถึง 5-7 วัน เจ็บแผลน้อยกว่า แผลมีขนาดเล็ก สวยงามและผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไว้สามารถกลับไปทำงานได้รวดเร็ว
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
ผู้ป่วยจะต้องระมัดระวังห้ามให้แผลเปียกน้ำเด็ดขาด สามารถเดินออกกำลังกายเบาๆและหลีกเลี่ยงการยกของหนักตลอด 6 สัปดาห์หรือตามคำแนะนำของแพทย์ งดการสูบบุหรี่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงจำพวกไขมันเนื้อสัตว์ที่ทำให้ท้องอืด แน่นท้อง ย่อยยาก กินยาและมาตามนัดที่แพทย์สั่งเสมอ
ป้องกันอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี
เราสามารถลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน ควบคุมน้ำหนัก หากมีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไปแล้วทั้งชายและหญิงควรหมั่นตรวจสุขภาพ ห่างพบว่ามีอาการผิดปกติใดๆ ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ศัลยแพทย์ทั่วไป
ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์