ถุงน้ำดี (Gallbladder) มีหน้าที่เก็บน้ำดีไว้ช่วยย่อยไขมันในอาหาร เมื่อตับสร้างน้ำดีแล้ว น้ำดีจะไหลออกมาทางแขนงของท่อน้ำดีในเนื้อตับเข้าสู่ท่อน้ำดีใหญ่ของตับ แล้วจึงย้อนกลับขึ้นไปที่ท่อของถุงน้ำดีเข้าไปอยู่ในถุงน้ำดีเพื่อพักไว้ก่อน พอเรากินอาหารที่มีไขมันเข้าไป ถุงน้ำดีก็จะขับน้ำดีออกมาทางท่อถุงน้ำดีลงมาที่ท่อน้ำดีร่วมเข้าสู่ลำไส้เล็ก เพื่อทำให้ไขมันแตกตัวและถูกน้ำย่อยจากตับอ่อนย่อยไขมันที่แตกตัวกลายเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล แต่หากส่วนประกอบของน้ำดีมีคอเลสเตอรอลมากเกินไปจนเสียสมดุล จะเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกจนกลายเป็นนิ่วในถุงน้ำดีนั่นเอง
จุกเสียดแถวลิ้นปี่ แสบร้อนที่ยอดอก
จากสถิติในประชากรทั่วไป มากกว่าครึ่งของคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีจะไม่มีอาการอะไรเลยและไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่สำหรับคนที่มีอาการก็ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี สัญญาณเตือนแรกๆ นั้นจะเป็นอาการแน่นท้อง ท้องเฟ้อ โดยนานๆ เป็นครั้งหนึ่ง ผู้ป่วยเองมักไม่รู้ว่าคืออาการเตือนของโรคนิ่วในถุงน้ำดี บางครั้งผู้ป่วยมีอาการแสบร้อนที่ยอดอก ทำให้คิดไปถึงโรคกรดไหลย้อนซึ่งเป็นโรคฮิตของคนยุคนี้มากกว่า ดังนั้นผู้ที่มีอาการแสบร้อนยอดอกจึงควรสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วยว่าเข้าข่ายโรคนิ่วในถุงน้ำดีหรือเปล่า เพราะอาการปวดท้องก็ยังคล้ายกับโรคกระเพาะ ดังนั้นผู้ป่วยจึงต้องสังเกตอาการปวดท้องของตนเองให้ดีๆ หากมีอาการท้องอืดเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้องแถวๆ ลิ้นปี่หลังกินอาหารมันๆ ก็มีโอกาสจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ยังไงซะ! เมื่อร่างกายเกิดภาวะผิดปกติก็ควรไปหาหมอ เพื่อทำการตรวจรักษา
สังเกตอาการว่ามีบางอย่างเหล่านี้ร่วมด้วยไหม
ผู้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี อาจมีอาการต่างๆ เหล่านี้ร่วมด้วย ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นทุกอาการก็ได้
- ท้องอืด
- จุกเสียด แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่หลังกินอิ่ม โดยเฉพาะหลังกินอาหารที่มีไขมันมากๆ
- ปวดท้องใต้ชายโครงขวาเป็นครั้งคราว
- ปวดท้องรุนแรง และปวดร้าวไปถึงสะบักขวา
- ปวดกลางท้อง หรือบริเวณใต้กระดูกหน้าอกอย่างกะทันหันและรุนแรง
- มีไข้สูง ถ้ามีการอักเสบของถุงน้ำดีอย่างเฉียบพลัน
- ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม
หากสงสัยให้จดจำอาการต่างๆ เหล่านี้ไว้ว่า เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นนานแค่ไหน แล้วทิ้งระยะอาการนานไหม เพื่อบอกกับหมอ จะได้วินิจฉัยและวางแผนการรักษาให้ถูกทางต่อไป โรคนี้รักษาง่ายได้ผลดี สำหรับการผ่าตัด ก็มีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งแผลจะเล็กและเจ็บน้อย ใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 1-2 วัน ก็สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ หลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ก็กลับมาเรียนหรือทำงานได้ตามปกติแล้ว