ในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย มักเกิดความกังวลเกี่ยวกับ “โอกาสการเสียชีวิต” ที่รวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคการรักษามะเร็ง เรียกว่า Targeted Therapy ทางเลือกใหม่ที่ นพ. ประสาร ขจรรัตนเดช อายุรแพทย์ เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา รพ.พญาไท 2 บอกว่า…ช่วยยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายได้ !!
ทำไม? Targeted Therapy มักถูกใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
หากเทียบกับเมื่อก่อน..หมอมักจะบอกว่าค่าเฉลี่ยอาจอยู่ได้อีกประมาณ 6 เดือน หรือถ้าให้คีโมค่าเฉลี่ยก็จะประมาณ 10 เดือน แต่พอมี Targeted Therapy ตัวเลขก็ค่อย ๆ ขยายขึ้นเรื่อย ๆ อย่างคนไข้มะเร็งปอด หากได้รับการรักษาด้วย Targeted Therapy ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ แบบเต็มที่ ค่าเฉลี่ยก็สามารถไปได้ถึง 2 ปีกว่า ถึง 3 ปี เรียกว่า ช่วยยืดอายุให้คนไข้ได้มากขึ้น แต่การรักษาหาย..เปอร์เซ็นต์อาจจะยังน้อยอยู่ แต่ทั้งนี้..ก็ยังมีมะเร็งอื่น ๆ ที่ Targeted Therapy ช่วยเพิ่มโอกาสในการหายได้ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ มะเร็งเต้านมบางชนิด
เท่ากับว่า.. ในผู้ป่วยมะเร็งระยะแรก โอกาสหายจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น?
ความจริงข้อนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ อย่างเช่น ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เพราะเป็นโรคที่ตรวจเจอได้ง่าย ไม่ว่าจะตรวจคลำเองแล้วพบก้อน หรือมีการตรวจคัดกรองเป็นประจำอยู่แล้ว โดยผู้ป่วยมะเร็งเต้านมกว่า 60-70 % ที่เข้ามาพบหมอจะอยู่ในระยะ 1-3 แต่ในมะเร็งบางอย่าง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่ในระยะแรก ๆ จะไม่แสดงอาการ จะรู้ได้ต้องตรวจคัดกรอง แต่ราคาค่อนข้างสูง คนส่วนใหญ่จึงมักไม่ได้รับการตรวจ ทำให้ผู้ป่วยกว่า 40-50 % ที่มาพบหมอก็เป็นระยะสุดท้ายแล้ว
การรักษาด้วย Targeted Therapy มีข้อจำกัดอะไรหรือไม่
การรักษาด้วย Targeted Therapy เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งจะเกิดการดื้อยา เช่น ยาบางตัวอาจจะให้ผลการรักษาที่ดี แต่พอผ่านมาประมาณปีนึงก็เกิดการดื้อยา เราก็ต้องทำการตัดชิ้นเนื้อมาตรวจใหม่ เพื่อมองหา Targeted Therapy ตัวใหม่ ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องกลับไปที่วิธีเดิม คือ คีโม
อาจพูดได้ว่า…การรักษาด้วย Targeted Therapy อาจจะใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับคีโมตั้งแต่แรก หรืออาจใช้ Targeted Therapy หลายชนิดเพื่อรักษาที่เป้าหมายหลายตำแหน่งพร้อมกัน เพราะโดยธรรมชาติของเซลล์มะเร็งจะมีกลไกในการเติบโตที่ไม่ใช่แค่กลไกเดียว เช่น 1 ไป 2 ไป 3 ไป 4 แต่สามารถเติบโตเป็นกลไก A ไป B ได้อีกด้วย หรือในบางครั้งเรากำจัดกลไกนี้ แต่ก็เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็ง ทำให้ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีตัวยาไหนที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งระยะสุดท้ายได้หมดจนถึงขั้นหาย
แล้ว Targeted Therapy สามารถใช้รักษามะเร็งได้ทุกชนิดไหม
สำหรับการรักษาด้วยวิธี Targeted Therapy มีการพัฒนามากว่า 16-17 ปี แล้ว ซึ่งจากวันนั้นจนปัจจุบันนี้ก็มีตัวยาเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ยังไม่ถึงกับใช้รักษาในมะเร็งได้ทุกชนิด…แต่ตอบสนองต่อโรคได้ครอบคลุมมากขึ้น และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่คุณหมออยากฝากถึงผู้อ่านทุกคน..
หากจะพูดถึงอาการ..ถือว่ากว้างมากจนไม่สามารถบอกได้หมด เพราะอาการที่แสดงโดยมากจะขึ้นอยู่กับว่าเป็นมะเร็งตรงไหนแต่ถ้าจะให้คร่าว ๆ ตามหลักที่เราเห็นทั่วไป เช่น อุจจาระ/ปัสสาวะมีเลือดปน การมีแผลเรื้อรัง ไม่หายซักที การทานอาหารไม่ลง หรืออาเจียนบ่อยครั้งมาก
ในขณะเดียวกัน อาการอุจจาระเป็นเลือด บ่อยครั้งก็พบว่า..เป็นแค่ริดสีดวง หรือปัสสาวะมีเลือดปนแบบจาง ๆ บ่อยครั้งก็พบว่าเป็นแค่กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือน้ำหนักตัวลดลง อาจเกิดจากไทรอยด์เป็นพิษก็ได้ เพราะฉะนั้น ในทางหนึ่งหมอก็ไม่อยากให้กังวลกันเกินไป ไม่อยากให้ตกใจว่าอาการแบบนี้..ฉันจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า ? อาจจะเป็นโรคเรื้อรังก็ได้
“พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเรามีอาการผิดปกติที่ค่อนข้างเรื้อรัง อธิบายสาเหตุไม่ได้ ก็ควรมาพบหมอดีกว่า หากหมอไม่สามารถหาสาเหตุได้ก็อาจตั้งข้อสงสัยถึงโรคมะเร็ง”
นพ. ประสาร ขจรรัตนเดช
อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา
ศูนย์มะเร็ง รพ.พญาไท 2