โรคกระเพาะอาหาร (Dyspepsia : Non-ulcer, ulcer) มีทั้งชนิดที่เป็นแผลและไม่เป็นแผล โดยอาการจะคล้ายคลึงกัน คือมีอาการปวดจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ เหนือสะดือ ปวดใต้ชายโครงซ้าย บางรายปวดแน่นถึงหน้าอก อาการมักเป็นๆ หายๆ และสัมพันธ์กับมื้ออาหาร อาจปวดก่อนอาหารเวลาหิว ปวดหลังอาหารเวลาอิ่ม และอาการจะดีขึ้นได้เมื่อได้รับประทานอาหาร แต่หากอาการรุนแรงกว่านั้น..อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร ได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร
- เชื้อโรคแบคทีเรีย ชื่อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลโร ซึ่งจะติดต่อได้จากการกินอาหาร หรือ ดื่มน้ำที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรคเหล่านี้ เชื้อโรคดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดแผลกระเพาะอาหารและมะเร็งบางชนิดของกระเพาะอาหารได้
- ยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูก (Aspirin และ NSAID) ทำให้มีโอกาสเป็นแผลกระเพาะอาหารหรืออักเสบมากขึ้น การหายของแผลช้า)
- การสูบบุหรี่ ทำให้อัตราการเป็นแผลกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น แผลหายช้า เป็นใหม่ได้ง่าย ทำให้การตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาได้ผลไม่ดี
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ภาวะเครียด ทานอาหารไม่ตรงเวลาหรือทานรสเผ็ดจัด
- ติดเชื้อทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
- ยารักษาสิว อาจทำให้เกิดแผลในหลอดอาหาร หรือโรคกระเพาะอาหารได้
อาการเตือน…ถึงเวลาต้องพบแพทย์ทันที (Alarming Symptom)
- ถ่ายดำหรือถ่ายมีเลือดปน
- น้ำหนักลด
- ตัวซีด เหลือง (ดีซ่าน)
- ปวดรุนแรงนานเป็นชั่วโมง
- มีอาเจียนรุนแรงติดต่อกัน หรืออาเจียนมีเลือดปน
- เจ็บหรือกลืนลำบาก
- มีประวัติครอบครัวป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร
- คลำก้อนในท้องได้ หรือต่อมน้ำเหลืองโต
แนวทางการรักษาโรคกระเพาะอาหาร
- ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดจุกแน่นท้อง จุกเสียด ลมเรอ แสบท้อง มานานไม่เกิน 2 สัปดาห์ และไม่มีอาการเตือนที่สำคัญ มีแนวทางรักษา ดังนี้
- รับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
- งดบุหรี่ งดเหล้า งดอาหารรสเผ็ด รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
- ออกกำลังกาย
- งดกินยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูกโดยไม่จำเป็น
ในกรณีมีแผลในกระเพาะอาหาร อาจต้องวินิจฉัยด้วยวิธีเหล่านี้ก่อน
- ตัดชิ้นเนื้อจากแผล เพื่อตรวจหาว่าเป็นมะเร็งหรือไม่
- ตัดชิ้นเนื้อจากส่วนล่างของกระเพาะอาหาร เพื่อดูว่ามีเชื้อโรคเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไรหรือไม่ ถ้ามีเชื้อโรคดังกล่าวร่วมกับมีแผล ต้องให้ยากำจัดเชื้อโรค 2 สัปดาห์ และให้ยารักษาแผลอีก 4-6 สัปดาห์
หากอาการไม่ดีขึ้นหลังปฎิบัติตามข้างต้น หรืออาการเป็นมานานกว่า 1 เดือน หรือมีอาการเตือนที่สำคัญ ต้องได้รับการวินิจฉัยเพิ่มเติม คือ “การส่องกล้องกระเพาะอาหาร”
โดยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร นอกจากดูว่ามีแผล เนื้องอก และมะเร็งหรือไม่ ยังสามารถฉีดยาหรือห้ามเลือดด้วยวิธีต่างๆ ผ่านการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารในผู้ป่วยที่มีเลือดออกจากกระเพาะอาหาร และสามารถติดตามดูการหายของแผลได้
โรคกระเพาะอาหาร ป้องกันได้
- รักษาสุขอนามัย รับประทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดแผลกระเพาะอาหารและมะเร็งบางชนิดของกระเพาะอาหาร
- งดกินยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูก โดยไม่จำเป็น
- งดบุหรี่ งดเหล้า งดเผ็ด รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ออกกำลังกายคลายเครียด
นพ. จีรวัส ศิลาสุวรรณ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหาร
ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพญาไท 2