มะเร็งรังไข่ (Ovarian Cancer) เป็นมะเร็งที่พบได้มากเป็นอันดับต้นๆ ของมะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธุ์ผู้หญิงที่จัดว่าเป็นภัยเงียบตัวอันตราย เพราะเป็นโรคที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้นๆ จากสถิติขององค์การอนามัยโลกในปี พ.ศ. 2551 พบว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ สูงถึง 13% ของการเสียชีวิตของคนทั่วโลก
สำหรับในประเทศไทยนั้นโรคมะเร็งรังไข่จะพบได้เป็นอันดับ 6 ของโรคมะเร็งในสตรี มีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคประมาณ 6.8/100,000 คนต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งแพทย์หญิงกรพินธุ์ รัตนสัจธรรม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวช โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา จะมาพูดถึงเรื่องนี้ให้ได้ทราบกัน…
“มะเร็งรังไข่” มีความอันตรายมากแค่ไหน และอะไรคือสาเหตุของมะเร็งรังไข่ ?
มะเร็งรังไข่ เกิดจากการที่เซลล์บริเวณรังไข่ มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ โดยที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ และเกิดเป็นก้อนขึ้น รวมทั้งสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง หรืออวัยวะที่อยู่ไกลได้ โดยปัจจุบันมะเร็งรังไข่พบมากเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง รองจากมะเร็งปากมดลูก พบมากในช่วงอายุ 40-60 ปี แต่อย่างไรก็ตามในวัยเด็กหรือวัยรุ่นอายุน้อยๆ ก็สามารถพบมะเร็งรังไข่ได้เช่นกัน ส่วนสาเหตุของการเกิดมะเร็งรังไข่ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดแต่มีการค้นพบปัจจัยเสี่ยง อาทิ
- สตรีที่มีบุตรยากหรือไม่มีบุตร
- ภาวะมีประจำเดือนเร็ว หรือ หมดประจำเดือนช้า
อาการแฝงที่ซ่อนเร้นของมะเร็งรังไข่ และระยะที่เกิดมะเร็งรังไข่มีความแตกต่างกันอย่างไร
มะเร็งรังไข่มีทั้งหมด 4 ระยะ อาการที่พบได้ในมะเร็งรังไข่ ได้แก่ ภาวะท้องอืดแน่นท้อง ปวดท้อง รู้สึกท้องโตขึ้น คล้ำได้ก้อนบริเวณท้องน้อย น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ตรวจพบมีน้ำในท้อง มีปัสสาวะบ่อย หรือ อุจจาระลำบาก จากการที่ก้อนไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดีมีผู้ป่วยบางส่วนที่ไม่มีอาการใดๆ เลย โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้จะตรวจพบมะเร็งรังไข่ได้โดยบังเอิญ จากการมาตรวจสุขภาพทั่วไป ส่วนในระยะท้ายๆ ที่มะเร็งมีการกระจายไปที่อวัยวะอื่นๆ ก็อาจเกิดอาการผิดปกติจากการที่อวัยวะนั้นทำงานผิดปกติได้เช่น ถ้ากระจายไปที่ปอดอาจมีอาการหายใจลำบาก, กระจายไปที่ตับ อาจมีอาการตับโต หรือค่าการทำงานของตับผิดปกติเป็นต้น ส่วนการวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งในระยะใด ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย การตรวจสุขภาพเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด, ภาพรังสี X-ray, X-ray คอมพิวเตอร์ ประกอบร่วมกับการผ่าตัด จึงสามารถบอกได้ชัดเจนว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งในระยะใด ซึ่งจะมีผลต่อการรักษาต่อไป
มะเร็งรังไข่สามารถรักษาได้อย่างไร?
การรักษามะเร็งรังไข่จะขึ้นอยู่กับ ชนิดของมะเร็ง, ระยะของโรค, อายุของผู้ป่วย, ความต้องการมีบุตร รวมถึงความพร้อมของผู้ป่วยในการรักษา โดยหลักๆ ของการรักษาจะเน้นการผ่าตัด ได้แก่ การตัดมดลูก และรังไข่ทั้งสองข้าง การเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณช่องท้อง อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ป่วยที่อายุน้อยๆ และเป็นมะเร็งระยะเริ่มแรกการผ่าตัดเฉพาะรังไข่โดยเหลือมดลูกและรังไข่ที่ปกติอีกข้างไว้ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา นอกจากนั้นมีการรักษาเพิ่มได้แก่ การให้ยาเคมีบำบัด ในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ ส่วนการฉายแสงในปัจจุบัน ไม่ค่อยนำมาใช้ในการรักษามะเร็งรังไข่แล้ว
เรามีวิธีการป้องกันมะเร็งรังไข่ได้อย่างไรบ้างและมีผลมากน้อยแค่ไหน
ปัจจุบันพบว่าการรับประทานยาคุมกำเนิดเกิน 5 ปี สามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็งรังไข่ได้มากถึง 50%, ภาวะมีบุตร 1 คน จะลดโอกาสเสี่ยงการเป็นมะเร็งรังไข่ได้ถึง 60 % รวมกับในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ เช่น มีบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก หรือมะเร็งทางเดินอาหาร ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งรังไข่ และเพื่อประโยชน์ในการกำหนดแนวทางการรักษาต่อไป