“ต่อมทอนซิลอักเสบ” แม้อาการจะไม่รุนแรง แต่ก็สร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร กลืนน้ำลายหรืออาหารลำบาก บางคนอาจมีอาการปวดหู ปวดท้อง อาเจียนร่วมด้วย… บางคนต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังจนต้องผ่าตัด ซึ่งนวัตกรรมการแพทย์ในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก วันนี้ นพ.อุทัย ประภามณฑล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3 จะแนะนำเทคนิคการผ่าตัดทอนซิลโดยการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency tonsillectomy)
เช็กลิสต์! หากมีอาการแบบนี้… ผ่าตัดคือทางออกที่ดีที่สุด
คุณหมออุทัย อธิบายว่า การผ่าตัดทอนซิลเป็นการผ่าตัดเอาทอนซิลออกซึ่งจะทำกันก็ต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้
- ทอนซิลอักเสบเรื้อรังเป็นๆหายๆ (6 ครั้งต่อปี, หรือ 5 ครั้งต่อปี 2 ปีติดต่อกัน, หรือ 3 ครั้งต่อปี 3 ปีติดต่อกัน )
- การเกิดฝีรอบๆ ต่อมทอนซิล หลังรักษาอาการฝีรอบๆ ทอนซิลหายแล้ว ประมาณ 1-2 เดือน ค่อยมาผ่าตัดทอนซิลออก
- สงสัยว่าเป็นมะเร็งที่ต่อมทอนซิล
- ทอนซิลมีขนาดใหญ่มากจนทำให้เกิดอาการอุดกั้นทางเดินหายใจหรือนอนกรน
ส่วนข้อห้ามในการผ่าตัดทอนซิล คือ ขณะที่ยังมีอาการทอนซิลอักเสบอยู่ และปัญหาใหญ่ของการผ่าตัดต่อมทอนซิลคือการเจ็บแผลและเลือดออกหลังผ่าตัด ที่พบประมาณ 2-5% ทำให้ผู้ป่วยต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลนาน กินอาหารและกลืนลำบาก เนื่องจากเจ็บแผล
Radiofrequency tonsillectomy นวัตกรรมการผ่าตัดต่อมทอนซิล ด้วยคลื่นวิทยุ
คุณหมออุทัย อธิบายถึงนวัตกรรมนี้ว่า เป็นการใช้คลื่นวิทยุในการผ่าตัด ซึ่งคลื่นวิทยุนี้จะเปลี่ยนเป็นความร้อนประมาณ 40 องศาเซลเซียส ใช้ในการตัดเนื้อเยื่อ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณแผลผ่าตัดบาดเจ็บลดลงกว่าการผ่าตัดแบบเก่า และยังสามารถห้ามเลือดในขณะผ่าตัดได้
ข้อดีของการผ่าตัดโดยใช้คลื่นวิทยุ คือ…
- การผ่าตัดใช้เวลาสั้นลง
- เสียเลือดน้อย ไม่ต้องใช้ไหมเย็บแผลในขณะผ่าตัด
- อาการเจ็บแผลหลังผ่าตัดลดลง
- ระยะเวลาที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลง (โดยทั่วไปนอนโรงพยาบาลประมาณ 1 วัน หลังผ่าตัดเสร็จ)
ตัดเนื้อเยื่อและห้ามเลือดได้ในคราวเดียว… ด้วยเทคนิค HS
อีกทางเลือกหนึ่งของคนไข้คือ การผ่าตัดทอนซิลโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Harmonic scalpel หรือ HS) ซึ่งคุณหมออุทัย อธิบายว่า Harmonic Scalpel เป็นเครื่องมือตัดเนื้อเยื่อและห้ามเลือดไปในตัวพร้อมกัน โดยอาศัยคลื่นความถี่ที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในระดับความถี่ 55,000 Hz. คลื่นความถี่นี้จะเปลี่ยนเป็นความร้อนประมาณ 40 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถจี้ห้ามเลือด และตัดเนื้อเยื่อบริเวณที่เครื่องมือจับหรือกดสัมผัสได้ โดยไม่เกิดการไหม้เป็นบริเวณกว้าง หัวจี้สามารถใช้เลาะและตัด (Dissection) จับเนื้อเยื่อ (Grasping) และสามารถจี้ตัดเส้นเลือด (Cut and Coagulation) ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 5 มิลลิเมตรได้
ข้อดีของเทคนิค HS ในการผ่าตัดทอนซิลได้แก่
- สามารถตัดเนื้อเยื่อและห้ามเลือดภายในเวลาเดียวกัน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเย็บผูกหลอดเลือดโดยใช้ไหม ลดโอกาสการระคายเคืองคอหลังผ่าตัดได้
- การผ่าตัดใช้เวลาสั้นลง โดยทั่วไปใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาที ทำให้ลดระยะเวลาในการดมยาลงได้ จึงประหยัดค่าใช้จ่ายในการดมยาสลบ
- เสียเลือดระหว่างผ่าตัดน้อย ประมาณ 0-2 ซีซี
- อาการเจ็บแผลหลังผ่าตัดน้อยกว่าวิธีอื่นๆ โดยเฉพาะช่วง 3-7 วันหลังผ่าตัด
- ระยะเวลาที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลง โดยทั่วไปหลังผ่าตัดโดยวิธีนี้จะนอนโรงพยาบาลประมาณ 1 วัน หลังผ่าตัดเสร็จ สามารถกลับไปทำงานได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ อย่าปล่อยให้ปัญหาต่อมทอนซิลกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่รบกวนคุณภาพชีวิตของคุณและคนใกล้ชิด หากมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์เพื่อรีบแก้ไขจะดีที่สุด