อาการปวดเฉียบพลันบริเวณใบหน้า คล้ายไฟฟ้าช็อตบนใบหน้าเป็นจังหวะ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทเส้นที่ 5 โดยหากเกิดขึ้นต่อเนื่องจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ละวันเราต้องรับประทานอาหาร ยิ้ม หัวเราะ หรือมีการสัมผัสใบหน้า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวบนใบหน้าทั้งสิ้น ดังนั้น หากยังปล่อยให้มีอาการเหล่านี้ต่อไป…อาจส่งผลร้ายในแบบระยะยาวได้นะ!
อาการปวดใบหน้า…สัญญาณเตือนภาวะผิดปกติ!
พญ. สิรารัตน์ โมรรัต อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาทผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา ผู้ผ่านการศึกษาต่อเนื่องด้านการอ่านคลื่นสมองคนไข้ จาก Royal Children Hospital ออสเตรเลีย ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า.. อาการปวดใบหน้าเฉียบพลัน อาจมีสาเหตุจากความผิดปกติของเส้นประสาทคู่ที่ 5 โดยลักษณะของอาการปวดจะเป็นบริเวณข้างใดข้างหนึ่งของใบหน้า มักมีอาการปวดเกิดขึ้นบริเวณใกล้จมูก ริมฝีปาก ตา หน้าผาก กรามด้านบนหรือในช่องหู ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าตนมีอาการปวดฟัน จึงเลือกรับประทานยาแก้ปวดฟัน บางรายเป็นๆ หายๆ มีอาการเรื้อรังต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ ซึ่งส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน เนื่องจากไม่อาจหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ทั้งการสัมผัสโดน การพูด การเคี้ยว หรือการแปรงฟัน
ใครบ้างที่เสี่ยง “ระบบเส้นประสาทคู่ที่ 5” ผิดปกติ
อาการปวดหน้า จากเส้นประสาทคู่ที่ 5 มักพบในผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป แต่ก็พบได้บ้างในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย โดยสาเหตุเกิดจากการกดหรือระคายต่อเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในช่องกะโหลกศีรษะ ทำหน้าที่รับความรู้สึกสัมผัสบริเวณใบหน้า อาการปวดที่เกิดขึ้นอาจมาจากเส้นเลือดแดงในช่องกะโหลกศีรษะที่อยู่ใกล้รากของเส้นประสาทอยู่ชิดและกดเส้นประสาท มีก้อนเนื้องอกบริเวณเส้นประสาท หรือผู้ป่วยได้รับอุบัติเหตุหรือกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทคู่ที่ 5 นอกจากนี้อาจเกิดจากภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 มีการเสื่อมในโรค (Demyelintion) หรือพบได้โดยไม่ทราบเหตุ ซึ่งการวินิจฉัยโรคสามารถทำได้ด้วยการซักประวัติ การตรวจร่างกาย และเอ็กซเรย์ มักทำในผู้ป่วยที่แพทย์สงสัยว่ามีความผิดปกติของสมอง
การรักษาเมื่อเกิดภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ผิดปกติ
สำหรับการรักษาอาการปวดหน้าจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ทำได้ทั้งการรับประทานยา โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้เลือกใช้ยาตามความเหมาะสมและความรุนแรงของโรค ถ้าพบความผิดปกติกรณีต้องมีการแก้ไขโดยแพทย์ผ่าตัด แพทย์จะแนะนำโดยละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ พญ.สิรารัตน์ ได้อธิบายถึงผลข้างเคียงที่มีต่อการรับประทานยา ว่าอาจทำให้มีอาการง่วงซึม มึนงง ผู้สูงอายุที่เริ่มรับประทานยา 3-4 วันแรก อาจมีอาการข้างเคียงจากการรับประทานยา หลังจากนั้นจะทุเลาลง จนหลายปวดในที่สุด