ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน(GERD-เกิร์ด) เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการรับประทานอาหาร การนอน และลักษณะนิสัยต่างๆ ซึ่งทำให้โรคกรดไหลย้อนมีการแสดงอาการแบบเป็นๆหายๆ ตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วยและนั่นส่งผลให้เกิดพังผืดหลอดอาหารตีบ ที่อาจรุนแรงถึงขั้นกลายเป็น “มะเร็งหลอดอาหาร” ได้
รู้ให้ลึก! “โรคกรดไหลย้อน”คืออะไร?
โรคกรดไหลย้อน (GERD-เกิร์ด) คือ อาการที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหารโดยภาวะกรดไหลย้อนนี้ หากปล่อยเรื้อรังจะทำให้เกิดผลเสียต่อหลอดอาหาร เช่นหลอดอาหารอักเสบ ทำให้มีเลือดออกจากหลอดอาหาร และอาจส่งผลให้ปลายหลอดอาหารตีบได้ นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุหลอดอาหาร…ที่อาจรุนแรงถึงขั้นกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้
โรคกรดไหลย้อน มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง
โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายของหลอดอาหาร ทำให้ความดันของหลอดอาหารต่ำลงหรือบ่อยกว่าปกติ ซึ่งมักเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารและยาบางชนิด ภาวะน้ำหนักตัวเกิน ความเครียด หรือเกิดจากความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหารมากขึ้น
อาการบ่งชี้…ว่าคุณอาจกำลังเป็น “โรคกรดไหลย้อน”
- อาการทางคอหอยและหลอดอาหาร
- กลืนลำบาก ติดขัด คล้ายมีก้อนอยู่ในคอ หรือกลืนเจ็บ
- เจ็บคอ มีเสมหะอยู่ในลำคอ โดยเฉพาะในตอนเช้า หรือระคายคอ ตลอดเวลา
- อาการปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ บางครั้งอาจร้าวไปที่บริเวณคอได้
- เรอบ่อย คลื่นไส้ คล้ายมีอาหารหรือน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาในอกหรือคอ
- รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี หรือรสเปรี้ยวของกรดในคอ หรือปาก
- อาการนอกระบบหลอดอาหาร
- มีกลิ่นปาก เสียวฟัน หรือมีฟันผุได้
- เป็นหวัดเรื้อรัง เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม
- มีอาการไอเรื้อรัง รู้สึกสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกในเวลากลางคืน จนอาจทำให้ต้องตื่นกลางดึก
- อาการหอบหืดที่เคยเป็นอยู่ (ถ้ามี) แย่ลง หรือไม่ดีขึ้นจากการใช้ยา เจ็บหน้าอก โรคปอดอักเสบ เป็นๆหายๆ
ตรวจใช้ชัวร์…อาการที่เป็นใช่ “โรคกรดไหลย้อน” หรือเปล่า
เพราะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารมักมีอาการใกล้เคียงกัน หากไม่แน่ใจในอาการที่เป็น…อาจเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยวิธีเหล่านี้!
- การตรวจวัดการทำงานของกล้ามเนื้อหลอดอาหาร (Esophageal manometry)
- การตรวจวัดการไหลย้อนของกรดที่หลอดอาหาร (Esophageal pH monitoring)
- การส่องกล้องตรวจในหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร (Gastroscopy)
ปรับพฤติกรรม ขั้นแรกของการรักษา “โรคกรดไหลย้อน”
- การปรับเปลี่ยนนิสัยและการดำเนินชีวิตประจำวัน
- พยายามหลีกเลี่ยงภาวะเครียด
- งดการสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับหรือรัดแน่น โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว
- พยายามลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักเกิน
- ถ้ามีอาการท้องผูก ควรรักษาและหลีกเลี่ยงการเบ่ง
- หลีกเลี่ยงการนอนราบ ออกกำลัง การยกของหนัก การเอี้ยวหรือก้มตัว หลังจากรับประทานอาหารทันที หรืออย่างน้อยควรห่างกัน 3 ชม.
- การปรับเปลี่ยนนิสัยในการรับประทานอาหาร
- รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยการทอด อาหารมัน อาหารย่อยยาก พืชผักบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ฟาสต์ฟู้ด
- หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกช็อกโกแลต ถั่ว ลูกอม peppermints เนย ไข่ นมหรืออาหารที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด กาแฟ ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารปริมาณพอดีในแต่ละมื้อไม่ควรรับประทานอาหารจนอิ่มแน่นท้องมาก
- การปรับเปลี่ยนนิสัยการนอน
- เวลานอน ควรหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้นประมาณ 6-10 นิ้วจากพื้นราบ
หากรักษาด้วยการใช้ยา…ควรปฏิบัติ ดังนี้
เพราะประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการของ GERD สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยา ดังนั้น..การใช้ยาที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญ
- รับประทานยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง ไม่ควรลดขนาดยาหรือหยุดยาเอง และมาพบแพทย์ตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเพื่อปรับขนาดยา
- อย่าซื้อยารับประทานเองเวลาป่วย เนื่องจากยาบางชนิดจะทำให้กระเพาะอาหารมีการหลั่งกรดเพิ่มขึ้น หรือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัวมากขึ้น
การผ่าตัด…อีกทางเลือกในการรักษากรดไหลย้อน
ในการเริ่มต้นการรักษา “โรคกรดไหลย้อน” ผู้ป่วยมักเลือกวิธีการทานยาลดกรดเพื่อลดอาการ หากติดตามอาการแล้วพบว่าผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา หรือผู้ป่วยที่ไม่ต้องการทานยาเพื่อควบคุมอาการไปตลอด “การผ่าตัดหูรูดอาหาร” จึงเป็นอีกทางเลือกในการรักษากรดไหลย้อน…ที่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและตรงจุด! แต่ทั้งนี้จะต้องทำ “แบบทดสอบ”ก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้ารับการผ่าตัดหูรูดกระเพาะอาหาร